เงินบาทปิด 31.04/05 แข็งค่า หลังคลายกังวลปมหนี้สหรัฐ พรุ่งนี้มีลุ้นแตะ 31

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 17, 2013 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.04/05 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 31.14/18 บาท/ดอลลาร์ โดยไปทำโลว์ที่ระดับ 31.02 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบต่อทุกสกุล
"ระหว่างวันเงินบาทปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง หลังปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐผ่อนคลาย ดอลลาร์ก็ร่วงเมื่อเทียบกับทุกสกุล" นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐยังคงเป็นเรื่องที่ตลาดจับตาดูกันต่อไป แม้จะผ่อนคลายลงบ้างแต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.05 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 98.65/72 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.3621 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3340/3345 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,469.09 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด, +0.32% ปริมาณการซื้อขาย 50,595.22 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 200.38 ล้านบาท(SET+MAI)
  • พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เผย ครม.ชุดเล็กจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้(18 ต.ค.) เพื่อหารือว่าจะมีการยกเลิกหรือขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 ต.ค.นี้ออกไปหรือไม่ รวมถึงการขยายพื้นที่การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเพิ่มเติมจากเดิมเฉพาะ 8 แขวงในพื้นที่ 3 เขตของ กทม.หรือไม่ หลังจากหน่วยความมั่นคงประเมินการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ยังไม่มีท่าทีที่จะยุติลง
  • นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการส่งออกข้าวไทยในปีหน้าว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8-10 ล้านตัน ซึ่งจะมีทั้งข้าวที่ขายโดยเอกชนไทย และข้าวที่ขายแบบจีทูจี ส่วนปีนี้น่าจะได้ตามเป้าหมายที่ 8-8.5 ล้านตัน
  • นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย เดือนก.ย.56 พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ใน ก.ย.56 อยู่ที่ระดับ 90.4 ลดลงจากระดับ 91.3 ในเดือนส.ค. โดยค่าดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 และต่ำที่สุดในรอบ 23 เดือน

ส่วนกรณีสภาคองเกรส สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้และยุติการ Shutdown ถือเป็นข่าวดี ซึ่งลึกๆก็เชื่ออยู่แล้วว่าสหรัฐฯ จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ และทำให้คลายความกังวลไปได้

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องห่วงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ห่วงเรื่องกำลังซื้อในประเทศ การบริโภคภายในประเทศที่ยังต้องการการกระตุ้น

  • นายอมรเทพ จาวะลา หัวหน้าส่วนวิจัยเศรษฐกิจและตลาดการเงิน สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ระบุถึงผลกระทบจากการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ นั้น ไทยจะได้รับผลกระทบจากเงินลงทุนที่จะไหลกลับเข้ามาสู่ตลาดทุนอันจะส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เมื่อปัญหาเพดานหนี้ได้รับการแก้ไข ผู้ลงทุนจะให้น้ำหนักต่อการถอนมาตรการ QE ที่จะกดดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าตามเงินลงทุนที่จะไหลออกตลาดเอเชียอีกครั้งในต้นปีหน้า
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 202 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,100 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,310.58 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 21.88 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดลดลงในวันนี้ จากแรงซื้อพันธบัตรในช่วงบ่ายหลังตลาดหุ้นโตเกียวเริ่มชะลอแรงบวก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 330 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.625% ลดลง 0.010% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.12 จุด แตะที่ระดับ 144.58 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) เผยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกลดลงโดยเฉลี่ย 5.3% ภายในปี 2643 หากทั้ง 4 ประเทศไม่หามาตรการมารับมือกับปัญหา
  • ร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสของสหรัฐในเช้าวันนี้จะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค. และปรับเพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าจะช่วยสร้างความผ่อนคลายแก่ภาคการเมืองและตลาดเงินทั่วโลกได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น นับจากนี้ไปอีกไม่กี่เดือนสภาคองเกรสและทำเนียบขาวก็จะกลับมาเผชิญกับสถานการณ์เดิมๆ โดยจะมีความขัดแย้งกันใน 2 ประเด็นหลักที่ฉุดรั้งตลาดการเงินและสร้างความปั่นป่วนแก่นักลงทุนทั่วโลก ก็คือ งบประมาณรายจ่ายและเพดานหนี้
  • นายเสิ่น ตันหยาง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า จีนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สินได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตลอดจนกระตุ้นการฟื้นตัวและเสถียรภาพของตลาดการเงินทั่วโลกได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจะไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอีกด้วย ขณะเดียวกันอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เผยยอดค้าปลีก ซึ่งนับรวมเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 0.6% จากที่เคยลดลง 0.8% ในเดือนสิงหาคม ขณะที่มีการคาดการณ์ยอดค้าปลีกว่า จะเพิ่มขึ้น 0.4% ยอดค้าปลีกสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านดีดตัวขึ้น 3% ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารลดลง 0.2%
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน พ.ย.ขยับลง 2 เซนต์ มาอยู่ที่ 102.27 ดอลลาร์ ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชีย เมื่อเวลา 12.35 น.ตามเวลาซิดนีย์ หลังจากปรับตัวขึ้น 1.08 ดอลลาร์ แตะ 102.29 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ