นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.12/13 บาทดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.25 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.05 บาท/ดอลลาร์
"กลับมาแข็งค่า หลังจากประกาศยุบสภาฯ เงินบาทลงไปทำโลว์ที่ระดับ 32.05(บาท/ดอลลาร์) ก่อนที่จะกลับมาทำไฮที่ระดับ 32.17(บาท/ดอลลาร์) พอมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมาก็แข็งค่าอีกรอบ...ข่าวยุบสภาถือว่าเซอร์ไพร์ส และเป็นข่าวดีว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น" นักบริหาร กล่าว
นักลงทุนคลายความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศหลังประกาศยุบสภา ทำให้เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรง เช่น การปะทะกันและเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนช่วงสัปดาห์ก่อน
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันพุธไว้ระหว่าง 31.90-32.20 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.05 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.03 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3720 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3706 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,367.42 จุด เพิ่มขึ้น 5.85 จุด, +0.43% มูลค่าการซื้อขาย 25,788.55 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,244.94 ล้านบาท(SET+MAI)
- น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนหลังจากเกิดความขัดแยังทางการเมืองในประเทศอย่างหนัก โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่รักษาการเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยเชิญชวนทุกกลุ่มใช้เวทีเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อตัดสินอนาคตประเทศ
- แกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.) ประกาศเดินหน้าเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดตั้งสภาประชาชน แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะประกาศยุบสภาแล้วก็ตาม โดยระบุว่าการประกาศยุบสภาของนายกรัฐมนตรีเลยจุดที่ กปปส.ต้องการมาแล้ว
- นางสดศรี สัตยธรรม หนึ่งในคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) คาดจะสามารถจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด หรือไม่เกินวันที่ 2 ก.พ.57 หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาในวันนี้ โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องรอโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร
- China Foreign Exchange Trading System(CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 1.02% ทำสถิติใหม่แตะที่ 6.113 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้
- รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาส 3/2556 โดยระบุว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัว 1.1% จากก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ว่าขยายตัว 1.9% ส่วนการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 60% ของจีดีพีนั้น ได้รับการปรับเพิ่มเป็นขยายตัว 0.2% จากเดิมที่ประเมินว่าขยายตัวเพียง 0.1% ขณะที่ยอดการส่งออกปรับตัวลง 0.6% และยอดการนำเข้าพุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ประมาณการไว้ครั้งก่อน ด้านการลงทุนในภาคเอกชนพุ่งขึ้น 6.5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประเมินครั้งก่อนเช่นกัน
- นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับปี 57 ในช่วงไตรมาสแรกซึ่งเป็นช่วงสุญญากาศระหว่างการรอเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นสุญญากาศไปด้วย จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกต่อไปจนถึงไตรมาส 2 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ สศช.ในปี 57 ซึ่งประมาณการว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4-5 อาจขยายตัวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน ม.ค.ดีดตัวขึ้น 16 เซนต์ แตะที่ 97.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกในตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง และจีนเปิดเผยยอดการนำเข้าน้ำมันดิบที่สูงขึ้น โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย. ซึ่งขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานลดลงจาก 7.3% ในเดือน ต.ค.สู่ระดับ 7.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดภาคเช้าลดลงเล็กน้อยวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อคืนพันธบัตรในช่วงสายสกัดการปรับตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงเช้า ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นโตเกียวที่ปรับตัวขึ้น หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐสดใส โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 331 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดภาคเช้าที่ 0.665% ลดลง 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวขึ้น 10 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,440 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,239.1 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ขยับขึ้น 1.1 ดอลลาร์สหรัฐ