เงินบาทปิด 32.05/06 อ่อนค่าจากช่วงเช้าหลังมีแรงซื้อดอลล์ กรอบพรุ่งนี้ 31.95-32.15

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 11, 2013 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.05/06 บาท/ดอลลาร์ กลับมาอ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.94/96 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้เงินบาทแข็งค่าโดยช่วงเช้าผ่าน 32 บาท/ดอลลาร์ ไปทำ low ที่ 31.95 บาท/ดอลลาร์ แล้วมีแรงซื้อ(ดอลลาร์)คืนช่วงบ่ายมาที่ระดับ 32.05/06 เหมือนกับเป็นการเล่นรอบ พยายามลากกันอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยขยับไปสักเท่าไร ตอนนี้ตลาดไม่ค่อย take position ใหญ่ๆ เพราะใกล้สิ้นปี" นักบริหารเงิน ระบุ

โดยปัจจัยที่นักลงทุนติดตามและให้ความสำคัญยังคงเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.95-32.15 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.44/46 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.80/82 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3759/3761 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3752/3756 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,369.35 เพิ่มขึ้น 1.93 จุด (+0.14%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 26,002 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,531.93 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 8/56 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.56 ว่า กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เป็น 2.25% ต่อปี เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ากว่าที่ประเมินไว้เดิม และมีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินจึงสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ภายใต้แรงกดดันด้านราคาที่ยังอยู่ในระดับต่า
  • ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องกรณีร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศมูลค่า 2 ล้านล้านบาทว่าเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเป็นการยื่นคำร้องโดยพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.อีกจำนวนหนึ่ง
  • นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พระราชกฤษฎีกาลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่ง
ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อ 19 พ.ย.56 ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่า
จะมีข้อสรุปไม่เกินสิ้นเดือนธ.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ดี หากไม่สามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ทัน การเสียภาษีสำหรับปีภาษี 56 ก็
จำเป็นต้องใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามโครงสร้างปัจจุบันไปก่อน

นอกจากนี้ คาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปีนี้จะยังเติบโตได้ 3% แม้จะมีการชุมนุมทางการเมือง แต่ก็อาจมีผลต่อการทำงานของหน่วยงานราชการอยู่บ้าง โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 โดยเฉพาะในส่วนงบลงทุนต่างๆ ที่มีปัญหาเรื่องขั้นตอนการตรวจรับงานจากผู้รับเหมา เนื่องจากการตั้งฎีกาเบิกจ่ายไม่สามารถทำได้ แต่การเบิกจ่ายเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ยังสามารถทำได้ตามปกติ เนื่องจากกระทรวงการคลังยังมีฐานข้อมูลอยู่ภายนอกหน่วยงาน

  • สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม คาดแนวโน้มการส่งออกอาหารของไทยในปี 57 มีโอกาสจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ไม่สูงนัก คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 970,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากปี 56 ที่คาดว่าการส่งออกในภาพรวมตลอดปีจะมีมูลค่าประมาณ 913,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 อ่อนตัว 0.2% เมื่อเวลา 08.02 น.ตามเวลาลอนดอน เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอดูว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือไม่ ภายหลังจากที่แกนนำของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ให้ความเห็นชอบเรื่องข้อตกลงด้านงบประมาณ

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีกำหนดประชุมในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดกำลังรอดูว่าเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงเมื่อใด

  • กระทรวงการคลังของจีน เปิดเผยรายได้การคลังของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 15.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 9.125 แสนล้านหยวน (หรือราว 1.49 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ รายได้การคลังของจีนขยายตัวในระดับสองหลักต่อเนื่อง 3 เดือน ด้วยอัตราการขยายตัวที่ 16.2% ในเดือนต.ค. และ 13.4% ในเดือนก.ย.
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวขึ้น 110 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,680 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,265.09 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ