สาเหตุของการลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะลดขนาดนโยบายสภาพคล่อง ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินสหรัฐฯ ช่วงวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ประกอบกับความผันผวนของค่าเงินบาท ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะสามเดือนมีปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สะท้อนทัศนคติระยะกลางของกลุ่มตัวอย่างยังมองราคาทองคำอาจจะยังฟื้นตัวได้ โดยค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 57.77 จุด เพิ่มขึ้นจากการจัดทำในเดือนพฤศจิกายน 1.32 จุด หรือ 2.34% ส่วนคำถามว่านักลงทุนจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าหรือไม่พบว่า 39.31% ของกลุ่มตัวอย่างจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า 34.49% คิดว่าจะยังไม่ซื้อทองคำและ 26.20% ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหรือไม่
ขณะเดียวกันศูนย์วิจัยยังได้จัดทำแบบสำรวจสัดส่วนการลงทุนทองคำในปี 57 กลุ่มตัวอย่างคิดว่าจะลงทุนใกล้เคียงกับปี 56 ที่ผ่านมาคือประมาณ 18% สำหรับผู้ที่คาดว่าจะโยกเงินลงทุนจากตลาดทองคำไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นส่วนใหญ่คิดว่าจะย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างเงินฝากธนาคาร พันธบัตร และบางรายคิดว่าจะถือเงินสด
นายกมลธัญ กล่าวถึงแนวโน้มของราคาทองคำในปี 57 ว่า ตลาดทองคำยังเผชิญความเสี่ยงชะลอ QE และดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ ทำให้มองว่าราคาทองคำในปีหน้ายังมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ อย่างไรก็ดีการอ่อนตัวอาจจะไม่สูงมากนักเนื่องจากมีต้นทุนหน้าเหมืองกดดันอยู่ประกอบกับความเสี่ยงด้านการคลังสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี ราคาทองคำในประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากการแนวโน้มอ่อนค่าของค่าเงินบาท
นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย กล่าวถึงความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) ที่รวบรวมตัวอย่างจากผู้ค้าส่งทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 12 ตัวอย่าง เชื่อว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือนธันวาคมโดยรวมน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,160 – 1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่ากรอบราคาต่ำสุดในเดือนธันวาคมน่าจะอยู่ในช่วง 1,180-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่กรอบสูงสุดน่าจะอยู่ในกรอบ 1,260-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 18,000-20,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 18,200-18,400 บาทต่อหนึ่งบาท และมีกรอบการเคลื่อนไหวสูงสุดบริเวณ 19,800-20,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีประเด็นเรื่องการคงนโยบาย QE การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทโดยเฉพาะผลกระทบจากประเด็นการเมือง การเก็งกำไรในตลาดทองคำและความต้องการทองคำในช่วงปลายปีเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาทองคำ
สำหรับเป้าหมายราคาทองคำเฉลี่ยในปี 57 จากกลุ่มตัวอย่างที่มีการให้คำแนะนำด้านการลงทุนเป็นปกติจำนวน 5 ราย ได้แก่ ออสสิริส ให้ราคาเฉลี่ย 1,320 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์, คลาสสิคโกลด์ ให้ราคาเฉลี่ย 1,280 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์, จีที เวลธ์ ให้ราคาเฉลี่ย 1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์, เอ็มทีเอส ให้ราคาเฉลี่ย 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ออนซ์ และวายแอลจี ให้ราคาเฉลี่ย 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์