นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.85/87 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 32.82/84 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.79 บาท/ดอลลาร์
"ปิดตลาดทำไฮของวัน ช่วงบ่ายดอลลาร์กลับมาแข็งค่า against ทุกสกุล และมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา" นักบริหารเงิน กล่าว
ปัจจัยในประเทศเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากสถานการณ์เป็นปกติ ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น และรอดูผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันพรุ่งนี้(22 ม.ค.)
นักบริหารเงินคาดการณ์เงินบาทวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.80-32.90 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม
"พรุ่งนี้แนวโน้มอ่อนค่า แต่คงยังไปไม่ได้ไกล เพราะยังมี flow ที่รอเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง" นักบริหารเงิน กล่าว- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.66 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 104.53 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3536 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3543 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,293.10 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด, +0.24% มูลค่าการซื้อขาย 27,099.84 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 970.98 ล้านบาท(SET+MAI)
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยคาดการณ์ GDP ปีนี้จะขยายตัว 4-5% แต่หากโครงการลงทุนทั้งแผนบริหารจัดการน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งไม่สามารถเดินหน้าได้จะทำให้การลงทุนของภาครัฐขยายตัวเพียงร้อยละ 3 จะส่งผลให้ GDP ปีนี้ขยายตัวลดลง 0.4% จากประมาณการ
- นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการเงินเสียงแตกมองการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) รอบแรกของปีนี้ คาดการณ์ทั้งมีโอกาสหั่นดอกเบี้ยลง 0.25% จากสารพัดปัจจัยลบรุมเร้า มองแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นขาลงอาจเห็นที่ระดับ 1.75% ในครึ่งปีแรก ขณะที่อีก 2 สำนักวิจัยมอง กนง.ตรึงดอกเบี้ยชี้อัตราดอกเบี้ยระดับ 2.25% เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็น
- กรุงเทพโพลล์ เผยค่าดัชนีความเชื่อมั่นของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 17.85 ปรับตัวลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 36.99 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ หรือต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และการที่ค่าดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ค่อนข้างมากสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
- สมาคมตราสารหนี้ไทย คาดนปี 57 จะมีหุ้นกู้ออกใหม่ราว 4.0-4.2 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 56 ที่มีหุ้นกู้ออกใหม่ราว 4.18 แสนล้านบาท ขณะที่เงินทุนจากต่างชาติยังคงไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปีนี้ โดยช่วงวันที่ 1-17 ม.ค.57 ไหลออกสุทธิ 8.6 พันล้านบาท และคาดว่าหากสหรัฐยุติมาตรการ QE จะทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลออกไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
- นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX) แนะนำกรอบการลงทุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้(20-24 ม.ค.57) ที่ 1,216-1,290 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 19,090-20,240 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 32.874 บาท/ดอลลาร์) โดยแนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรตามแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยให้ระวังแรงขายออกในช่วงปลายเดือน ม.ค.57 ที่จะมีการประกาศผลการประชุมเฟด หากเฟดมีการปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรลงเพิ่มเติม จะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำได้
- ผลตอบแทนพันธบัตรอิสลามของมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้นในการเปิดจำหน่ายครั้งแรกของปี 2557 หลังจากที่การชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐทำให้ต้นทุนการกู้ยืมทั่วโลกสูงขึ้น โดยพันธบัตรเดือน เม.ย.2562 มีผลตอบแทนอยู่ที่ 3.953% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 3.91% ในตลาดรอง เมื่อธนาคารกลางมาเลเซียได้ประกาศผลการขายพันธบัตรผ่านทางเว็บไซต์เมื่อเวลาประมาณ 12.48 น.ตามเวลาท้องถิ่น
- อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์จีนอ่อนตัวลงมากที่สุดในรอบ 4 สัปดาห์วันนี้ หลังจากธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าระบบการเงินกว่า 2.55 แสนล่านหยวน หรือ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งขยายวงเงินสินเชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเงินสดในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยอัตราดอกเบี้ย repurchase 7 วัน ร่วงลง 1.34% แตะ 5.25% เมื่อเวลา 09.22 น.ตามเวลาเซี่ยงไฮ้
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดภาคเช้าเพิ่มขึ้นในวันนี้จากแรงเทขายพันธบัตรหลังตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 332 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดภาคเช้าที่ 0.670% เพิ่มขึ้น 0.010% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือน มี.ค.ขยับลง 0.12 จุด แตะที่ 144.18 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
- ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เริ่มการประชุมนโยบายการเงินที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันในวันนี้ โดยธนาคารกลางมีแนวโน้มว่าจะยังคงเป้าหมายการคลังปี 2558 ด้วยการดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับประมาณ 2% เพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด และเชื่อว่า เศรษฐกิจของประเทศจะยังคงฟื้นตัวต่อไป แม้ว่าจะมีการขึ้นภาษีการขายในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้