ทั้งนี้ สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 56 ขยายตัว 11.0% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ โดยสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้สินเชื่อรวมลดลงนั้น ขยายตัว 12.9% ชะลอลงมากจากปีก่อนเกือบทุกประเภททั้งสินเชื่อรถยนต์หลังการสิ้นสุดของมาตรการคืนภาษีรถคันแรก สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต จากความระมัดระวังในการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนและความระมัดระวังของธนาคารพาณิชย์ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจยังคงขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 10.2% ทั้งจากสินเชื่อ SME และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ลงทุนในต่างประเทศ
ด้านคุณภาพสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์ดี โดยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan:NPL) มียอดคงค้าง 2.65 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.14 หมื่นล้านบาท สัดส่วน Gross NPL และ Net NPL ต่อสินเชื่อรวมลดลงเหลือ 2.2% และ 1.0% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มจะด้อยลงบ้าง โดยยอดคงค้างสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM หรือสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 1 เดือนถึง 3 เดือน) เพิ่มขึ้นเป็น 2.95 แสนล้านบาท จากสินเชื่ออุปโภคบริโภคโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ สัดส่วน SM ต่อสินเชื่อรวมจึงเพิ่มขึ้นจาก 2.2% เป็น 2.4%
แต่ธนาคารพาณิชย์มีการกันเงินสำรองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ส่งผลให้สัดส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นเป็น 168.3% เงินฝากและเงินกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ยังขยายตัวต่ำกว่าสินเชื่อ ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นจาก 87.9% ณ สิ้นปี 55 เป็น 90.7% ณ สิ้นปี 56
นอกจากนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีเงินกองทุนในระดับสูง จากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 12.6% และในปี 2556 ธนาคารพาณิชย์ไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิบางส่วน อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) จึงลดลงเล็กน้อยเป็น 15.7%