โดยค่าดัชนีที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ คือ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม, ยอดขายโดยรวม, ปริมาณการผลิต, ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ อย่างไรก็ดี เหตุที่ค่าดัชนีได้ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า เป็นเพราะความกังวลของผู้ประกอบการที่มีต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองจากการชุมนุมปิดย่านธุรกิจ และหน่วยงานราชการหลายแห่งในกรุงเทพฯ และการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาคลี่คลายได้ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการปรับแผนการดำเนินกิจการ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ สถานการณ์ที่ยืดเยื้อยังส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว สะท้อนจากดัชนียอดคำสั่งซื้อ และยอดขายในประเทศที่ปรับตัวลดลง กระทบกับสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี) รวมทั้งผู้ประกอบการส่งออกที่เริ่มมีความกังวลว่าผู้นำเข้าสินค้าไทยจะหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นแทน จึงเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศโดยเร็ว
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.0 ลดลงจากระดับ 100.9 ในเดือนธ.ค.56 โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ที่ลดลงนี้เกิดจากองค์ประกอบคือ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม, ยอดขายโดยรวม, ปริมาณการผลิต, ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
นายพยุงศักดิ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนม.ค.นี้ว่า ต้องการให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองให้ยุติโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน อีกทั้งขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสร้างความมั่นใจให้แก่ประเทศผู้นำเข้าสินค้าไทยว่า ผู้ส่งออกสามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ทันตามกำหนดเวลา รวมถึงให้สถาบันการเงินของรัฐสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสนับสนุนการจัดแสดงสินค้าผู้ผลิตพบผู้บริโภคให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย