นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.58/59 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.55/57 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ส่งผลกระทบเข้ามาเพิ่มเติม
"อ่อนค่าช่วงท้ายตลาดตาม flow ระหว่างวันค่อนข้างเงียบ" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 32.55-32.65 บาท/ดอลลาร์
คืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยประมาณการขั้นสุดท้ายจีดีพีช่วงไตรมาส 4/56 พร้อมกันในเวลา 19.30 น.ตามเวลาในไทย
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.23 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 101.84/89 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3745 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3786/3788 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,355.95 จุด ลดลง 4.49 จุด, -0.33% มูลค่าการซื้อขาย 22,734.43 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,761.48 ล้านบาท(SET+MAI)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคงประมาณการอัตราการเติบโตของการส่งออกไทยในปี 57 ไว้ที่ร้อยละ 3.0-7.0 โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ 5.0 ซึ่งต้องรอติดตามความชัดเจนของสัญญาณการฟื้นตัวในสินค้าส่งออกสำคัญหลายๆ รายการ รวมทั้งพัฒนาการเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ ความต่อเนื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ G3 สถานการณ์ข้อจำกัดด้านการผลิตและราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรสำคัญ รวมทั้งความเชื่อมั่นของคู่ค้าต่างประเทศต่อการผลิต/ส่งมอบสินค้าของผู้ประกอบการไทยท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศต่อไปอย่างใกล้ชิด
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ก.พ.57 ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การเมือง ผ่านการท่องเที่ยวที่หดตัว และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง สำหรับการใช้จ่ายภายในประเทศชะลอตัวเช่นกัน ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้าทรงตัวแต่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากการส่งออกไปยังตลาดประเทศคู่ค้าหลัก โดย สศค.ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย(GDP) ปี 57 ลงหลังจากไตรมาส 1/57 รับปัจจัยลบจากผลกระทบสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อ โดยมองว่า การส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวจะกลับมาเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้
- นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลทั่วประเทศในเดือน ก.พ.57 มีผู้ประกอบการยื่นจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 4,854 ราย ลดลง 463 ราย หรือลดลง 9% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.57 และลดลง 882 ราย หรือลดลง 15% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.56 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ปรับลดลง เช่น ดัชนีอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพราะการชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา เริ่มส่งผลกระทบต่อการจดทะเบียน
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดทรงตัววันนี้ หลังจากการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 333 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาวปิดที่ 0.625% ทรงตัวจากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือน มิ.ย.ปิดทรงตัวที่ 144.71 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค.57 จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 323,000 ราย ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาในไทย
- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ประมาณการขั้นสุดท้ายจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2556 ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 2.7% จากไตรมาสก่อนหน้า จากก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีช่วงไตรมาส 4/2556 ขยายตัวที่ระดับ 2.4% ลดลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ 3.2% เพราะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และความต้องการสินค้าของสหรัฐจากต่างประเทศที่ชะลอตัวลง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยประมาณการขั้นสุดท้ายจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2556 ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาในไทย
- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลงหลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐได้ออกมาเตือนรัสเซียเกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ที่ตึงเครียดในยูเครน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วง 0.3% เมื่อเวลา 8.20 น.ตามเวลาลอนดอน, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,373.73 จุด ลดลง 11.42 จุด หรือ 0.26% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดที่ 9,428.91 จุด ลดลง 19.67 จุด หรือ 0.21%
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 102 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,028 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,301.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 11.03 ดอลลาร์สหรัฐ
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) จะให้รัฐบาลยูเครนกู้ยืมเงินราว 1.4-1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะสามารถระบุจำนวนเงินที่แน่นอนได้ต่อเมื่อรัฐบาลยูเครนแจกแจงรายละเอียดความต้องการให้ชัดเจน และเมื่อทราบชัดเจนแล้วว่ายูเครนจะได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งการเงินอื่นมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้รัฐบาลชุดใหม่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพยุงเศรษฐกิจประเทศ แต่การที่ไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียได้ทำให้สถานการณ์ในยูเครนย่ำแย่ลงไปอีก