"ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นในรอบ 14 เดือน หลังจากมั่นใจว่าการเมืองมีเสถียรภาพและคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นในระยะอันใกล้" นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี ม.หอการค้าไทย กล่าว
สำหรับปัจจัยบวก ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นทั้งเศรษฐกิจและการเมือง, คสช.อนุมัติจ่ายเงินโครงการจำนำข้าว, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลง, ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย
ส่วนปัจจัยลบ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ลดคาดการณ์ GDP ปี 57 เหลือ 1.5-2.5% จากเดิมที่คาด 3-4%, การส่งออกในเดือนเม.ย.ลดลง 0.9%, ราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริโภคยังกังวลค่าครองชีพและราคาสินค้า และความกังวลเกี่ยวความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มจะมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองไทยว่ามีเสถียรภาพมากขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับชาวนาที่จะได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวอันจะส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศสูงขึ้น เป็นผลในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของรายได้ผู้บริโภคในอนาคต
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดว่าการบริโภคของประชาชนจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะเป็นตัวกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยที่สำคัญ รวมทั้งการที่ชาวนาจะได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวที่จะทำให้กำลังซื้อทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น
“ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มปรับตัวในเชิงขาขึ้น โดยคนจะกลับมาเริ่มซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซึ่งช่วงไตรมาส 3 จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่โดดเด่นขึ้น" นายธนวรรธน์ ระบุ
พร้อมมองว่าการบริโภคจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายใต้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ในระดับ 2-3% ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 4-5%
อย่างไรก็ดี ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะมีการแถลงปรับ GDP อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย.นี้
ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ เนื่องจากการบริโภคของประชาชนที่ปรับตัวดีขึ้นส่งผลต่อภาคธุรกิจให้มีการลงทุน อีกทั้งภายหลังจากที่มีคณะรักษาความสงบแหงชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ภาคธุรกิจเห็นแนวทางการบริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้นจึงคาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็จะทำให้ประชาชนหางานทำได้ง่ายขึ้น และบัณฑิตจบใหม่มีโอกาสในการหางานทำได้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เตรียมจะจัดงาน “Get Together with International Friends 2014" โดยจะเชิญฑูตานุทูต กงสุลต่างๆ และหอการค้าต่างประเทศประจำประเทศไทยมาเข้าร่วมงาน ซึ่งทางหอการค้าไทยจะใช้โอกาสนี้เป็นเวทีพูดคุย ทำความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังจากที่มี คสช.เข้ามาบริหารประเทศในช่วงนี้
“เรามองว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และโอกาสทางธุรกิจก็มีมากขึ้น เราจะใช้เวทีในวันที่ 10 มิ.ยนี้พบปะกับทูต กงสุลต่างๆ ในไทย และหอการค้าต่างประเทศ เพื่อสื่อข้อความถึงสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้" นายอิสระ กล่าว