ก.เกษตรฯ ขานรับนโยบาย คสช.วางกรอบแนวทางปฏิรูปภาคเกษตร 7 ส่วน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 20, 2014 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขานรับนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) วางกรอบแนวทางการปฏิรูปภาคเกษตร 7 ส่วน ส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรเพื่อให้ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
"กระทรวงเกษตรฯ ได้วางกรอบแนวทางการปฏิรูปไว้ 7 ส่วนหลัก ได้แก่ การปฏิรูประบบการผลิต การปฏิรูประบบตลาด การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานการเกษตร การปฏิรูปองค์กรภาครัฐ การปฏิรูปองค์กรชาวนา การปฏิรูประบบการให้ความช่วยเหลือชาวนา และการปฏิรูปกฎหมาย" นายชวลิต กล่าว

ทั้งนี้ คสช.ได้ย้ำให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งภาคการเกษตรเป็นกลไกหนึ่งในการปฏิรูปดังกล่าว ซึ่งให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ตัวเกษตรกร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรไปสู่ตลาดการบริโภค มุ่งส่งเสริมพัฒนาให้สินค้ามีคุณภาพ ขายได้ราคา และชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันชาวนาไทยมีอายุเฉลี่ย 56 ปี ส่วนใหญ่จบระดับประถมศึกษา มีที่ดินทำกินเฉลี่ย 26 ไร่ อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก และกว่าร้อยละ 70 อยู่นอกเขตชลประทาน

"การยกระดับรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืนจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ซึ่งต้องทำการปฏิรูปข้าวไทยทั้งระบบ" นายชวลิต กล่าว

สำหรับการปฏิรูปข้าวไทยในเรื่องของระบบการผลิตเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลผลิตข้าวไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยมีการดำเนินการเป็นลำดับ ดังนี้ การกำหนดเขตส่งเสริมการผลิต(Zoning) ตามกลุ่มพันธุ์ข้าว รวมทั้งข้าวสำหรับตลาดเฉพาะ(Niche Market) เช่น ข้าวอินทรีย์ ข้าว GI หรือข้าวที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications:GI) และข้าวที่มีลักษณะพิเศษ การจัดทำทะเบียนชาวนา โดยจำแนกตามเขตส่งเสริมการผลิตเพื่อกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาและช่วยเหลือชาวนาได้อย่างสะดวกชัดเจน การจัดระบบปลูกข้าว โดยปลูกปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งมีพืชปุ๋ยสดหรือพืชเสริมปลูกคั่นกลาง เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการน้ำและตัดวงจรระบาดของโรคแมลงศัตรูข้าว การส่งเสริมใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่ การส่งเสริมให้ชาวนาและโรงสีเข้าสู่ระบบมาตรฐานคุณภาพในการผลิต(GAP/GMP) และเน้นเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิต หรือ 3 ต้องทำ 3 ต้องลด โดย 3 ต้องทำ คือ ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ต้องปลูกข้าวไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ต้องทำบัญชีต้นทุน ขณะที่ 3 ต้องลด คือ ลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ ลดอัตราการใช้ปุ๋ยเคมี และลดการใช้สารเคมี ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรได้

ส่วนโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ ได้วางแนวทางดำเนินการใน 4 ส่วน คือ 1.การขยายพัฒนาแหล่งน้ำและระบบชลประทานตามสภาพของพื้นที่อย่างทั่วถึง 2.การขยายพื้นที่การจัดรูปที่ดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำนา 3.การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ทั้งในเรื่องของยุ้งฉาง และระบบขนส่งในระดับชุมชนถึงระดับประเทศ 4.การพัฒนาและส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการทำนาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้ให้กับชาวนา การเพิ่มขีดความสามารถของชาวนาในการจัดหาปัจจัยการผลิต ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และเครื่องจักรกลการเกษตร การสร้างจิตสำนึกให้ชาวนารู้จักพึ่งพาตนเองมากกว่าการพึ่งพาภาครัฐเพียงอย่างเดียว โดยนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการยกระดับความเข้มแข็งกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองกับภาคเอกชน โดยการประสานงานร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้กับสหกรณ์ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพสามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ