นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.57 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัว อ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.52 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเช้านี้อ่อนค่า จากปัจจัยที่ดอลลาร์แข็งค่าต่อ เนื่องจากตลาดปิดรับความเสี่ยง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมา
สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือดัชนีราคาผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อของไทย ส่วนสหรัฐฯ รอติดตาม ตัวเลขจ้างงานภาค เอกชนเดือนต.ค. จาก ADP และดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) นอกจากนี้ต้องรอดูข่าวที่วันนี้เป็นวัน แรกที่ศาลฎีกาของสหรัฐฯ เริ่มกระบวนการไต่สวนมาตรการภาษีทรัมป์
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.45 - 32.65 บาท/ดอลลาร์
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 32.5475 บาท/ดอลลาร์
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 153.16 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 153.42 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1648 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1505 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.528 บาท/ดอลลาร์
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาท่อง
เที่ยวในไทยปี 68 คาดว่าจะมีประมาณ 33.4 ล้านคน ลดลง 6% จากปี 67 ที่มี 35.54 ล้านคน และมีรายได้ประมาณ 1.51 ล้านล้าน
บาท ลดลง 5% จากกระแสข่าวการค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ในไทยสร้างความวิตกกังวลแก่นักท่องเที่ยวอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่อง
เที่ยวระยะใกล้ ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เชื่อว่ายากที่จะดึงกลุ่มเหล่านี้กลับเข้ามา
- ที่ประชุมครม.เห็นชอบ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้ประเทศไทยเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการ
แข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโตจีพี ประจำปี 70-74 รวม 5 ปี เป็นกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ
จัดการแข่งขัน 3,997.86 ล้านบาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ไทยให้เป็นศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก
- KKP Research ออกบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์การคลังของประเทศ โดยระบุว่า หลังจาก ที่บริษัทจัดอันดับเครดิต
(credit rating agency) สำคัญ ทั้ง Moody's และ Fitch Ratings ออกมาปรับมุมมอง ต่อความน่าเชื่อถือด้านการคลังของไทย
ลงจากมีเสถียรภาพ หรือ "Stable" เป็นลบ หรือ "Negative" (และมีโอกาส ที่ S&P Global Ratings จะปรับตามมาเร็วๆ นี้)
เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร โอกาสที่ประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ มีมากกว่าโอกาสจะปรับ
เพิ่ม โดยครั้งสุดท้ายที่ไทยได้รับมุมมองเป็นลบแบบนี้ คือ ในช่วงวิกฤตการเงินโลก ปี 2008
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (4 พ.ย.)
โดยดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม
เดือนธ.ค.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันอังคาร (4 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็น
ปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ จากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP)
ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
- ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีกำหนดทำการไต่สวนในวันนี้ (5 พ.ย.) ต่อคดีที่ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของเขา โดยระบุว่า
ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 2520
- สหรัฐฯ กำลังเผชิญภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ที่อาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยการ
ชัตดาวน์ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 35 เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติสูงสุดเดิมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรง
ตำแหน่งสมัยแรก
- หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ ส่งผลให้นักลงทุนขาดข้อมูลอย่างเป็น
ทางการจากรัฐบาล และหันไปพึ่งพาข้อมูลจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง
อิงค์ (ADP) ADP จะเปิดเผยในวันนี้ (5 พ.ย.)
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)
ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก S&P Global, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) และสต๊อกน้ำมันราย
สัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
- นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้ม
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เตือนว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
ยังคงมีความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาอาจจะเป็นการลด
ดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้