(เพิ่มเติม1) สศค.ปรับคาดการณ์ GDP ปี 57 เป็นโต 2.0% จากเดิมคาด 2.6%, เชื่อปี 58 โต 5%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 30, 2014 15:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 57 ลงเหลือเติบโต 2.0% หรือเติบโตอยู่ในช่วงคาดการณ์ 1.5-2.5% ซึ่งลดลงจากเดิมที่เคยคาดว่าจะเติบโตราว 2.6% เนื่องจากปัญหาการเมืองส่งผลให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกหดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนในปี 58 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ถึง 5%

“เศรษฐกิจไทยปี 57 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2 โดยมีแรงส่งในช่วงครึ่งปีหลังตามสถานการณ์ทางการเมืองที่มีทิศทางชัดเจนขึ้น"นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สศค. แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือน ก.ค.57

ผู้อำนวยการ สศค.ระบุว่า ปัญหาทางการเมืองทำให้อัตราการเจริญเติบโตในไตรมาสแรกของปีหดตัวมากกว่าคาดที่ -0.6% และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบต่อระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าทิศทางที่ชัดเจนขึ้นของสถานการณ์ทางการเมืองจะส่งสัญญาณที่ดีต่อระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนตามนโยบายเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและการดำเนินมาตรการที่ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน

ทั้งนี้ ความชัดเจนในเรื่องนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐรวมทั้งการเร่งรัดการใช้จ่ายภายใต้แผนการลงทุนภาครัฐที่แต่เดิมมีแนวโน้มล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด รวมถึงการเร่งกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศขยายตัวได้ต่อเนื่อง

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวที่ 1.5% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.5% ถึง 2.5%) โดยแม้ว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในครึ่งปีแรกจะลดลงต่ำกว่าที่คาด แต่ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การส่งออกภาคบริการในส่วนของการท่องเที่ยวคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก ด้านการนำเข้า คาดว่าจะหดตัว -5.2% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ (-6.2%) ถึง (-4.2%)) แม้จะมีการเร่งตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามการเร่งขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้จ่ายภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 57 จะปรับสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.4% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 1.9%-2.9%) ตามแนวโน้มการทยอยปรับเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ประสบปัญหาภัยแล้งและสินค้าที่ขาดแคลนวัตถุดิบโดยเฉพาะราคาอาหารสำเร็จรูปและบริการต่างๆ ได้เริ่มทยอยปรับขึ้นราคา เช่น ค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป อย่างไรก็ดี นโยบายการตรึงราคาก๊าซ LPG และน้ำมันดีเซลตลอดจนมาตรการตรึงราคาสินค้าจะช่วยชะลออัตราเร่งของเงินเฟ้อ

ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศนั้น คาดว่าดุลการค้าจะเกินดุลเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในอัตราเร่งกว่าการนำเข้าสินค้าส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 13.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 3.3% ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.1-3.5% ของ GDP)

ทั้งนี้ ในการประมาณการเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ แนวโน้มอุปทานน้ำมันโลกที่เผชิญปัญหาขัดแย้งในประเทศอิรักและยูเครน มองว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 2 ต่อปี หากภาครัฐมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 และเตรียมความพร้อมในการใช้งบประมาณปี 2558 ในลักษณะเร่งรัดในช่วงแรกของปีงบประมาณ รวมทั้งส่งเสริมการส่งออกสินค้าให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ และมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

ด้านน.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. กล่าวว่า จากที่ สศค.ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 57 ลงเหลือ 2.0% จากเดิม 2.6% นั้น เป็นเพราะ สศค.ได้มีการปรับสมมติฐานใหม่จากของเดิมในช่วงเดือนมี.ค. ประกอบด้วย 1.ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก 14 ประเทศ ซึ่งแม้ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ก็ยังลดลงจากในปีที่ผ่านมาอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงปรับลด GDP ของประเทศคู่ค้าหลักลงเหลือ 3.83% จากเดิม 3.9% 2.ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 57 โดยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 106 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิม 105 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความรุนแรงในอิรักที่มีผลต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก

3.ดัชนีราคาสินค้าส่งออกและนำเข้าที่ยังคงหดตัว สอดคล้องกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) คาดว่าดัชนีราคาโภคภัณฑ์โลกในปี 57 ที่หดตัวน้อยลงจากเดิม -5.3% เหลือ -1.9% 4. อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ได้ปรับให้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์ จากเดิม 32.25 บาท/ดอลลาร์ 5.ยอดนักท่องเที่ยวในปี 57 โดยได้ปรับลดลงมาเหลือ 26.7 ล้านคน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ราว 27.7 ล้านคน เนื่องจากยอดนักเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก ลดลง 9.9% ซึ่งจะทำให้ทั้งปีมียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียง 0.7% 6.ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 57 โดยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ 2.00% และ 7.รายจ่ายด้านการบริโภคภาครัฐยังเติบโตในระดับที่ปกติ

สำหรับปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัว แต่การเติบโตโดยรวมยังถือว่าต่ำกว่าศักยภาพ, ราคาน้ำมันมีความเสี่ยงจะเป็นขาขึ้นจากปัญหาทางการเมือง, ราคาสินค้าโดยรวมหดตัวเล็กน้อย, การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้ และนโยบายการเงินการ-การคลังที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ