ธ.สแตนดาร์ดฯคาด GDP ครึ่งปีหลังโต 5% ดันทั้งปีโต 3.5%ก่อนพุ่ง 6% ปี 58

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 7, 2014 15:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์(ไทย)เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP)ในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ต่ำกว่า 5% โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเริ่มเห็นชัดมากขึ้นจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มดำเนินนโยบายต่างๆ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น จะส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังการบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยทั้งปีมองว่า GDP จะเติบโตได้ 3.5% หรืออาจจะมากกว่า

ขณะที่ปี 58 มองว่าจากการที่ภาครัฐฯจะมีการดำเนินนโยบายต่างๆตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งโครงการต่างๆ จะสามารถดำเนินการได้เต็มที่ในปีหน้า รวมถึงการบริโภคที่จะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปีหน้า ในขณะเดียวกันมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยภาคเอกชนมีหนี้ในระดับต่ำ ขณะที่ตัวเลขด้านการบริโภคสูงกว่าหนี้สาธารณะถึง 2 เท่า จึงคาดว่า GDP ของไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 6% ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงอาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2%

"เรามองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐฯที่แท้จริง จากที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงนโยบายยังไม่มีการเริ่มทำโครงการต่างๆขึ้น โดยในโครงการต่างๆเองนั้นเป็นการลงทุนระยะยาว ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราปีนี้คงจะไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ปีหน้าจะเข้ามาอย่างชัดเจน ทั้งการลงทุน และการบริโภคที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้มากในปีหน้าเป็นต้นไป" น.ส.อุสรา กล่าว

สำหรับค่าเงินบาท น.ส.อุสรา กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4/57 มีแนวโน้มเข็งค่าขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 31.50 บาท/ดอลลาร์ และมีโอกาสขึ้นไปเตะระดับ 31.00 บาท/ดอลลาร์ได้ โดยเชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามา โดยเฉพาะตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้มากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามายังประเทศไทยน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้ มองว่าการกลับเข้ามาลงทุนครั้งนี้จะเป็นการกลับเข้ามาลงทุนโดยตรง (FDI) โดยเฉพาะนักลงมุนจากประเทศญี่ปุ่นที่เป็น SME ในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจผลิตรถยนต์ เพื่อที่จะเป็นฐานการส่งออกไปยัง กัมพูชา ลาว เวียดนาม และพม่า หรือ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV)

น.ส.อุสรา กล่าวต่อว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 58 จะไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.5-3% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบไม่ผันผวนรุนแรงมากนัก อัตราเงินเฟ้อก็อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ