นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.67/68 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.70/72 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.64-32.72 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันแรงขายทำกำไรค่อนข้างเยอะ หลังขึ้นมาติดต่อกันเกือบ 2 สัปดาห์ ยิ่งถ้ามีข่าวที่เกี่ยวกับเงินเยนถือว่าค่อนข้างมีผลค่าเงินสกุลอื่นๆพอสมควร" นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับวันพรุ่งนี้ มีปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอคอยคือผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในช่วงบ่าย เบื้องต้นจึงประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ระหว่าง 32.60-32.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.40 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 113.60 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2515 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.2500 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,585.15 จุด เพิ่มขึ้น 5.97 จุด, +0.38% มูลค่าการซื้อขาย 47,501.67 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 321.86 ลบ.(SET+MAI)
- ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 องค์กร (กกร.) พบว่าเศรษฐกิจบางส่วนมีสัญญาณปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ด้วยปัจจัยบวกของการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนก่อนสิ้นปีงบประมาณ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงทรงตัว และการส่งออกขยายตัวแต่ยังมีความเปราะบางอยู่มาก สอดคล้องกับการหดตัวของการผลิตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไตรมาสสามเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนในภาคส่วนใด
อย่างไรก็ดี กกร.มองว่า แรงหนุนสำคัญที่จะช่วยฟื้นกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศให้ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย คือ การเร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือต้นทุนเกษตรกรทั้งชาวนาและชาวสวนยางพาราวงเงินรวม 4.85 หมื่นล้านบาท เสร็จสิ้นภายในปีนี้ รวมทั้งการเร่งเซ็นสัญญาและเบิกจ่ายโครงการลงทุนมีวงเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาทได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ระบุถึงผลกระทบของไทยต่อกรณีที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมระลอกสอง (QQE) แบบไม่กำหนดกรอบเวลาสิ้นสุดว่า ผู้ส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินเยนไม่มากนัก และจะได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายของ BOJ ในระยะยาวหลังจากที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัวแล้ว
- นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (MPA) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) น่าจะคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อเนื่องถึงกลางปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่า
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 58 ในเดือนแรก(ต.ค.57) สามารถดำเนินการได้สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีงบประมาณประจำปี 57(ต.ค.56) กว่า 1 แสนล้านบาท
- นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น ชี้การอ่อนค่าลงของเงินเยนเป็นผลมาจากการผ่อนคลายด้านสินเชื่อของธนาคารกลาง เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะถดถอยที่เป็นผลมาจากเงินฝืด ทั้งนี้ นายอาโสะชี้ว่า การอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลดีโดยทั่วไปต่อกลุ่มบริษัทส่งออกของญี่ปุ่น
- สมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในญี่ปุ่นเดือนต.ค. ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์ของผู้บริโภคยังอ่อนแอหลังการปรับขึ้นภาษีเมื่อเดือนเม.ย.
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงวันนี้ จากแรงซื้อหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศขยายโครงการรับซื้อพันธบัตร ตามมติผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
- หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล รายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังร่างแผนการผ่อนคลายแรงกดดันเกี่ยวกับหนี้เสียที่มีต่อสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ และคาดว่าจะเปิดเผยในอีกไม่ช้านี้
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวลง 30 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,810 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,169.34 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 3.25 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง