นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.81/82 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.85/86 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.76-32.86 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"ระหว่างวันเคลื่อนไหว 10 สตางค์ และช่วงท้ายตลาดกลับมาปิดตรงกลาง" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-32.85 บาท/ดอลลาร์
"เริ่มจะกลับมาแข็งค่า ถ้าหลุด 32.70 บาท/ดอลลาร์ น่าจะลงแรง" นักบริหารเงิน กล่าว- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 115.50 เยน/ดอลลาร์ เท่ากับจากช่วงเช้าที่ผ่านมา
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2462 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าอยู่ที่ 1.2448 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,577.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.18 จุด, +0.97% มูลค่าการซื้อขาย 51,144.41 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 458.64 ล้านบาท(SET+MAI)
- นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เผยสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 ก.ย.57 มีจำนวน 5,690,814.15 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.51 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,965,455.04 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,087,393.91 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 626,508.18 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 11,457.02 ล้านบาท
- นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการอังค์ถัด มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 58 มีโอกาสเติบโตได้ 4-5% โดยดูจากนโยบายรัฐบาลที่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใส่เม็ดเงินลงไปในระบบ ประกอบกับพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 1% จึงคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตได้ 4-5% อยู่แล้ว นอกจากนี้หากได้เรื่องการส่งออกเข้ามาช่วยอีกแรงอาจจะมีโอกาสโตเกินได้ 5%
- นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/57 มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ 2% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่เข้าสู่ระบบ ขณะที่ไตรมาส 4/57 คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ 4% ดังนั้นมองว่าทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 1.6% ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะติดลบ 0.3% ส่วนในปี 58 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้อย่างน้อย 4% เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น รถไฟรางคู่ และการเบิกจ่ายงบประมาณด้านต่างๆ มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ 4% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เผยยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.7% ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงจาก 8% ในเดือน ก.ย. ซึ่งเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 0.52% จากระดับเดือน ก.ย.ซึ่งชะลอตัวลงกว่าอัตราการขยายตัวเดือน ก.ย.ที่ 0.91% โดยช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ อัตราการขยายตัวภาคอุตสาหกรรมของจีนลดลงมาอยู่ที่ 8.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลง 0.1% จากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เผยยอดค้าปลีกของจีนในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 21.31 ล้านล้านหยวน(3.47 ล้านล้านดอลลาร์)
- นายโจ ฮอกกี รมว.คลัง ออสเตรเลีย กล่าวว่า ข้อตกลงเรื่องการลดปริมาณการปล่อยมลภาวะระหว่างจีนและสหรัฐนั้นถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่การประชุม G20 ที่เมืองบริสเบนของออสเตรเลียควรที่จะมุ่งเน้นด้านการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
- นายแจ็ค ลิว รมว.คลัง สหรัฐ กล่าวว่า ญี่ปุ่นควรจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและชัดเจน หากญี่ปุ่นต้องการที่จะปรับขึ้นภาษีการบริโภคต่อไปในเดือน ต.ค.ปีหน้า พร้อมกับเรียกร้องให้ญี่ปุ่นใช้มาตรการกระตุ้นการคลังเพื่อลดผลกระทบในด้านลบที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้เขายังแสดงความกังวลว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเชื่องช้าและไม่สม่ำเสมอ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกกลุ่ม G20 ดำเนินการอย่างเร่งด่วน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี(Destatis) เผยอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี ซึ่งคำนวณตามมาตรฐานยุโรปยังคงอยู่ที่ระดับ 0.7% เทียบรายปี ในเดือน ต.ค.ซึ่งทรงตัวจากข้อมูลเงินเฟ้อเบื้องต้น แต่ลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ชี้ให้เห็นว่ายูโรโซนยังคงเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับต่ำเกินไป และเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด จนอาจกดดันให้ทางธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหนุนเงินเฟ้อสู่ระดับ 2% ตามเป้าหมาย
- กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.57 ปรับตัวขึ้น 2.9% จากเดือน ส.ค.ซึ่งเป็นการปรับทบทวนขึ้นจากรายงานเบื้องต้นที่ 2.7% ขณะที่ดัชนีผลผลิตจากโรงงานและเหมืองแร่ในเดือน ก.ย.57 แตะที่ระดับ 98.0 เทียบกับระดับ 97.8 ในรายงานเบื้องต้นซึ่งเปิดเผยเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา