เงินบาทปิด 32.87/88 ระหว่างวันผันผวน ก่อนกลับมาอ่อนค่าช่วงท้ายตลาด

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 32.78-32.92 บาท/ดอลลาร์

• ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.94 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 118.43 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2435 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2463 ดอลลาร์/ยูโร
• ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,594.00 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, +0.01% มูลค่าการซื้อขาย 47,836.81 ล้านบาท
• สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 554.32 ล้านบาท(SET+MAI)
• ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี)ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 28 จะเติบโตในระดับ 3-3.5% โดยแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจในปี 58 จะมาจาก 1) การท่องเที่ยวที่จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ 2) การส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ในระดับ 4% และ 3) การลงทุนภาครัฐตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
• คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ปรับคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ในปี 58 จาก 4.0-4.5% ลดลงเหลือ 3.5-4.0% เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐยังล่าช้า และภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังไม่เห็นด้วยที่จะมีการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)อีก 1% ในช่วงปลายปี 58
• ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งเป้าปี 58 เพิ่มมูลค่าตลาดรวมจากหลักทรัพย์เข้าใหม่ (IPO) รวม 2.5 แสนล้านบาท และมูลค่าระดมทุนเพิ่มใน ตลท.อีก 1.3 แสนล้านบาท รวมถึงเพิ่มมูลค่าการซื้อขายฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้นอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท อีกทั้งในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาทต่อวัน
• พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)จากระดับ 7% ในปัจจุบันว่า เป็นเรื่องของหลักการที่จะต้องทยอยปรับขึ้นไปสู่อัตรา 10% ตามที่กำหนดไว้ แต่จะปรับขึ้นได้แค่ไหน หรือไม่ ต้องขึ้นกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจด้วย ซึ่งก็คาดหวังว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้
• ธนาคารกลางอินเดีย(RBI) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 8% ต่อไปในการประชุมพิจารณาทบทวนนโยบายการเงินวันนี้ โดยนายรากุราม ราชัน ผู้ว่าการ RBI กล่าวว่า หากแนวโน้มเงินเฟ้อในปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงคาดการณ์เงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงมีความคืบหน้าทางการคลังเป็นปัจจัยสนับสนุน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงท่าทีนโยบายการเงินในช่วงต้นปีหน้า
• นายเพอร์รี วาร์จิโย รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย คาดอินโดนีเซียอาจขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมูลค่าราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2557 ซึ่งน้อยว่าที่คาดการณ์ไว้ และต่ำกว่าระดับของปีก่อนหน้าที่ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังดุลการค้าอินโดนีเซียอยู่ในระดับที่ดีขึ้น โดยในเดือน ต.ค.อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าทั้งสิ้น 20 ล้านดอลลาร์ หลังจากมียอดขาดดุล 270 ล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ย.หลังราคาน้ำมันร่วง
• นายฮิโรชิเกะ เซโก รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะจับตาความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรอย่างใกล้ชิด หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่นวานนี้ จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสามารถของญี่ปุ่นในการฟื้นฟูสถานะการคลัง
• ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงเล็กน้อยวันนี้ จากแรงซื้อคืนหลังจากที่มีการเทขายในช่วงก่อนหน้านี้ อันเป็นผลจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 335 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.415% ลดลง 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ธ.ค.ขยับขึ้น 0.05 จุด สู่ระดับ 146.95 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า