ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.รอบสุดท้ายของปีอาจมีมติลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อหนุนศก.ฟื้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 3, 2014 18:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) รอบสุดท้ายของปี 2557 ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ อาจมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 2.00% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวในจังหวะที่แข็งแกร่งขึ้น

ทั้งนี้มีเหตุผลสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมายังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสินค้าไม่คงทนเป็นหลัก ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทนยังให้ภาพการฟื้นตัวที่ไม่สดใสนัก ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ ขณะที่การลงทุนยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ภาคการส่งออกที่มีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยแม้จะเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่ต้องยอมรับว่าได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านฤดูกาลและการเร่งส่งออกสินค้าไปยังยุโรปที่จะถูกตัดสิทธิ GSP ในปีหน้า มากกว่าที่จะส่งสัญญาณถึงอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัวขึ้น

ขณะเดียวกันในปี 2558 ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำได้ในระดับที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพ โดยปัจจัยหนี้ครัวเรือนคงกดดันแนวโน้มการบริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์ภายนอกประเทศที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ อาทิ จีน และยูโรโซน ยังคงอ่อนแอ รวมทั้งการสิ้นสุดของการให้สิทธิ GSP ของยุโรปคงกดดันให้การฟื้นตัวของภาคการส่งออกให้มีโอกาสออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้

สำหรับแรงหนุนจากการใช้จ่ายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ถูกฝากความหวังว่าจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญนั้นคงแปรผันตามประสิทธิภาพในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและสร้างความก้าวหน้าในโครงการลงทุน ซึ่งต้องยอมรับว่าเผชิญความท้าทายยิ่ง ท่ามกลางกระบวนการด้านงบประมาณที่ใช้เวลา ดังนั้นระหว่างนี้จึงทำให้นโยบายการเงินเป็นเครื่องมือที่มีน้ำหนักมากกว่าในการประคองการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ประเด็นความเสี่ยงเชิงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อาทิ ความเสี่ยงด้านหนี้ครัวเรือน ก็ยังคงเป็นประเด็นติดตามใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาการเติบโตของระดับหนี้ครัวเรือนที่ชะลอลง สะท้อนว่าปัญหาได้ถูกตีกรอบไว้ในระดับหนึ่ง แต่หากปรากฏสัญญาณการเพิ่มขึ้นที่น่ากังวลอีกครั้ง ธปท.ก็อาจพิจารณามาตรการอื่นๆ เพื่อดูแลการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนเฉพาะบางภาคส่วนได้

ส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงตามระดับราคาพลังงานในตลาดโลกเอื้อต่อการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยท่ามกลางสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลดลง (นับตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงกว่า 35% จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อันส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของไทยปรับลดลงตาม) ผนวกกับการดูแลการปรับราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 6-7 เดือนข้างหน้า เคลื่อนไหวในระดับต่ำใกล้เคียง 1% อย่างต่อเนื่อง (หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2557 ชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.26% YoY) แม้ว่ารัฐบาลจะเดินหน้าตามแผนในการปรับโครงสร้างพลังงานอย่างต่อเนื่องก็ตาม

โดยท่าทีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงของไทยสอดคล้องกับหลายประเทศในโลกที่เริ่มกลับมาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อดูแลการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณถึงการทยอยปรับการดำเนินนโยบายการเงินไปสู่ระดับปกติมากขึ้น แต่จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็ยังแปรผันตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อว่าจะเพิ่มขึ้นช้ากว่าคาดหรือไม่ ขณะที่ธนาคารกลางหลายๆ แห่งในโลกยังมีแนวโน้มที่จะ ‘คง’ หรือ ‘เพิ่มระดับการผ่อนคลายทางการเงิน’ เพื่อดูแลการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ภายใต้สถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางยุโรป(ECB) ที่ยังคงอยู่ในช่วงการพิจารณาออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจในยูโรโซนเผชิญกับภาวะเงินฝืด โดยมีการคาดการณ์ว่าทาง ECB อาจจะมีการขยายขนาดมาตรการการซื้อสินทรัพย์ในไม่ช้า ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) มีการขยายขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QQE) หลังจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงจากผลของการปรับขึ้นภาษีการบริโภคในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีน(PBoC) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้านเงินกู้/เงินฝากลง เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี หลังการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงต่อเนื่อง และภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงเปราะบางมาก ขณะที่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ก็เพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเช่นกันในเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

ตลาดการเงินมีการปรับคาดการณ์ถึงโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปบางส่วนแล้ว โดยคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุม กนง.ในวันที่ 17 ธ.ค.57 ไปแล้วบางส่วน โดยจะเห็นได้จากเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางที่ปรับลดลงประมาณ 12-30 จุด(Basis Points) เมื่อเทียบกับช่วงการประชุม กนง.ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 5 พ.ย.57

สำหรับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินไทยคงจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ซึ่งหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้จริง ผนวกกับสภาพคล่องในตลาดการเงินไทยที่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงและน่าจะเพียงพอสำหรับการรองรับกิจกรรมการระดมทุนและการปล่อยสินเชื่อในระยะแรกของปี 2558 ที่คงมีโมเมนตัมที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินไทยจะทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในจังหวะที่ยาวนานขึ้นตามไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ