"หม่อมอุ๋ย"มั่นใจใช้จ่ายรัฐดันศก.ปีนี้โต 4% ระยะยาวขยายตัวตามศักยภาพ 5-6%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 19, 2015 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยเรื่อง"Thai Economy 2015"ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% จากการเบิกจ่ายที่เป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตข้างหน้าจะเติบโตได้ตามศักยภาพที่ 5-6% อาจเป็นไปได้ หากมีการดำเนินงานไปตามแผนระยะยาวที่รัฐบาลวางไว้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ ด้วยการมุ่งเน้นส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถผลิตเป็นสินค้าต่าง ๆ ได้มากขึ้น

นอกจากนี้ไทยจะต้องส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)โดยการตั้งกองทุนร่วมลงทุน(Venture capital)เข้ามาสนับสนุนธุรกิจด้านดิจิตอล ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคอื่นๆ ทั้งธุรกิจบริการ การจองโรงแรม และการโอนเงินต่างๆ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการทำแพ็คเกจภาษีเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค(International trading Center)ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี

ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต็อกของรัฐนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันพร้อมหารือเรื่องนี้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน โดยเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB)ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3.5-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ การค้าชายแดนที่เข้ามาช่วยชดเชยจากการส่งออกไปยังประเทศหลักที่ชะลอตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงยังส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศด้วย น่าจะเข้ามาช่วยผลักดันการขยายตัวของจีดีพีในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 0.2-0.5%

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามตาม คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอทั้งในยุโรปและจีน รวมไปถึงแนวโน้มในการหาพลังงานทดแทนในประเทศ

นายบุญทักษ์ คาดว่า ค่าเงินบาทในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.00 บาท/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากคาดการณ์เดิม เนื่องจากมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB)จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการทำ QE จากเดิมก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าค่าเงินบาทจะปรับตัวอ่อนค่าที่ระดับ 34.50-35.00 บาท/ดอลลาร์หากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับขึ้นดอกเบี้ย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ