นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.69/70 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.65/67 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทไปทำไฮที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ และทำโลว์ที่ระดับ 32.64 บาท/ดอลลาร์
"ปรับตัวอ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามา ประกอบกับมีสัญญาณออกมาเกี่ยวกับเยน ว่าอาจไม่ต่ออายุ QE" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้จะอยู่ระหว่าง 32.65-32.80 บาท/ดอลลาร์
"ทิศทางวันพรุ่งนี้น่าจะอ่อนค่าต่อเนื่องได้อีก" นักบริหารเงิน กล่าว- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.65 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.00 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1340 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1315 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,613.40 จุด เพิ่มขึ้น 8.29 จุด, +0.52% มูลค่าการซื้อขาย 54,413.52 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,895.43 ล้านบาท(SET+MAI)
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เผยที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บอร์ดบีโอไอ) อนุมัติให้การส่งเสริมลงทุนแก่กิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่ช่วงปี 57 รวม 23 โครงการ มูลค่าการลงทุนกว่า 77,228 ล้านบาท
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 57 ที่ผ่านมาเติบโตได้ 5% ชะลอตัวลงจากในปี 56 ที่เติบโตได้ 11% เนื่องจากปัญหาการเมืองภายในประเทศช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับสถานการณ์การส่งออกที่ชะลอตัวลง รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่ยังมีปริมาณสูง ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ทรงตัวที่ 21.5% โดยทั้งปี 57 ที่ผ่านมาระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 2.14 แสนล้านบาท เติบโต 5% จากปี 56 และคาดว่า ในปีนี้สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์จะเติบโตได้ 7% ซึ่งถือว่าดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เป็นการเร่งตัวขึ้นมากนัก
- บล.เอเชียพลัส (ASP) ระบุว่า มีแนวโน้มปรับลดประมาณอีกครั้งหลังจากการประกาศตัวเลข GDP Growth งวด 4Q57 และของปี 57 ในเร็ว ๆ นี้ โดยในเบื้องต้นได้ทำการศึกษาผลกระทบของราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และยอดส่งออกที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาด ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth
- สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากการหารือระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ต่างประเทศยังไม่คืบหน้า จึงทำให้นักลงทุนลดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
- นางคริสติน ลาการด์ ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เผยขณะนี้ใกล้จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมายูเครนต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจประเทศ
- ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าระบบ 2.05 แสนล้านหยวน สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบสัปดาห์ เฉพาะวันนี้มีการขายสัญญาซื้อคืนพันธบัตรวงเงิน 1.60 แสนล้านหยวน แบ่งเป็น สัญญาซื้อคืนพันธบัตรแบบ 14 วัน วงเงิน 8 หมื่นล้านหยวน และสัญญาซื้อคืนพันธบัตรแบบ 21 วัน วงเงิน 80 ล้านหยวน
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดตลาดทรงตัวในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรหลังจากตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 337 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.390% ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 0.04 จุด แตะระดับ 147.14 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
- นายทาโร อาโสะ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ญี่ปุ่น แถลงต่อรัฐสภาว่า การคลังของญี่ปุ่นอยู่ใน"สถานะที่ย่ำแย่" พร้อมให้คำมั่นว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นรายได้ด้านการคลังและปรับลดค่าใช้จ่าย เพื่อกอบกู้สถานะการคลังของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยรัฐบาลจะยึดมั่นในเป้าหมายที่จะผลักดันให้สถานะการคลังของรัฐบาลกลับมาอยู่ในภาวะเกินดุลได้อีกครั้งภายในปีงบประมาณ 2563 โดยจะมีการร่างแผนงานภายในฤดูร้อนนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการกอบกู้ภาวะการคลัง ทั้งนี้ญี่ปุ่นมีหนี้สินสาธารณะคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึง 200% และรัฐบาลยังมีหนี้สินสูงถึง 1,000 ล้านล้านเยน