ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายหลักและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอขอให้คณะกรรมการในระดับกระทรวงที่มีผู้แทนจากกฤษฎีกาเข้ามาร่วมดำเนินการ โดยเชื่อว่าจะได้รับความเห็นชอบในหลักการ และภายในวันที่ 19-20 พ.ค.นี้ คาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน(กบร.) เพื่อให้ความเห็นเรื่องโครงสร้างและการพัฒนาสนามบินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
ทั้งนี้ ICAO จะเข้ามาตรวจสอบ 4 สายการบินหลัก คือ สายการบินไทย (THAI),สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA), สายการบินไทยแอร์เอเชีย (AAV) และสายการบินนกสกู๊ต ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม 20 มิ.ย. และใช้เวลาประมาณ 20 วัน และตรวจครบ 28 สายการบินภายในต้นเดือนส.ค. โดยได้วางแผนว่าเมื่อมีการตรวจครบ 4 สายการบินแรก จะประสานกับ ICAO เพื่อขอให้พิจารณาปลดล็อคข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย(SSC) ให้ก่อนได้หรือไม่
สำหรับกระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ(AOC Certification)ได้มีการปรับปรุงคู่มือจากระบบ Manual และ Check List เป็นฉบับใหม่แล้ว ดังนั้นการตรวจสอบสายการบินตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ จะใช้คู่มือฉบับใหม่ที่ปรับปรุงแล้วภายใต้กรอบ ICAO กรณีที่ทางกรมการบินเรือนของประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Civil Aviation Bureau (JCAB) ผ่อนปรนคำสั่งห้ามสายการบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท) ของไทยเพิ่มเที่ยวบินหรือเปิดเส้นทางบินใหม่ ซึ่งจะสิ้นสุดปลายเดือนพ.ค.นั้น ล่าสุดที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้รับเรื่องนี้ไปพิจารณา เชื่อว่า JCAB จะเข้าใจและให้โอกาสไทย โดยระบุว่าญี่ปุ่นมีกฎหมายของตัวเอง การพิจารณาจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ทางผู้แทน บพ.จะได้นัดหมายไปหารือกับทาง JCAB ต่อไป
ส่วนกรณีที่ บพ.ของจีนได้เข้ามาตรวจสอบ 5 สายการบินของไทยที่บินไปจีนนั้น เป็นการตรวจในขอบเขตเดียวกับการตรวจสอบระดับลานจอด (Ramp Inspection) เพื่อดูความพร้อมของอากาศยาน นักบินลูกเรือ บริการและมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งได้รับรายงานจากบพ.ว่า ส่วนใหญ่ผ่านเกณฑ์มีข้อสังเกตเล็กน้อยที่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ซึ่งยอมรับได้