(เพิ่มเติม) สศก.เผยภัยแล้งหด GDP ภาคเกษตรครึ่งปีแรกหด 4.2% ติดลบมากสุดในรอบ 36 ปี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 16, 2015 13:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตร(GDP ภาคเกษตร)ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 พบว่าหดตัว 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการติดลบมากที่สุดในรอบ 36 ปี และคาดว่าทั้งปี GDP ภาคเกษตรจะหดตัวในช่วง -4.3 ถึง -3.3% ซึ่งจะต้องมีการประเมินสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงอย่างใกล้ชิดเพื่อหามาตรการเฉพาะหน้าเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพราะภัยแล้งอาจส่งผลกระทบไปถึงปี 59
"ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรครึ่งปีแรกที่ติดลบ 4.2% ถือว่ามากที่สุดในรอบ 36 ปี (ตั้งแต่ตั้ง สศก.)คาดภัยแล้งจะส่งผลกระทบถึงปี 59 แต่ต้องดูสถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำต้นทุน แต่เบื้องต้นคาดว่านาปรังปี 58/59 จะไม่สามารถปลูกได้แน่นอน ต้องมีการทำความเข้าใจกับเกษตรกรทุกพื้นที่ให้ร่วมมือ ขณะเดียวกันก็ต้องแนะนำให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อย เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพด รวมทั้งสร้างงานนอกภาคเกษตร"นายเลอศักดิ์ กล่าว

สำหรับภาวะในช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงประมาณ 50% น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่กำลังซื้อของตลาดต่างประเทศลดลง และปัญหาภัยแล้ง ทำให้ GDP ภาคเกษตรหดตัวลง

"ปัจจัยเหล่านี้ในภาพรวมแล้วน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาของปี 58 พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์กลับชะลอตัวลงถึง 9.4% เนื่องมาจากมาจากประเทศคู่ค้าภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงทำให้ชะลอการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย" นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการ สศก. กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรกลับชะลอตัวลงถึง 9.4% เนื่องจากประเทศคู่ค้าทั้งตะวันออกกลางและแอฟริกาได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ส่งผลให้ชะลอการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 57 จนถึงปัจจุบัน ชาวนาต้องงดทำนาปรังและนาปีในช่วง 2 เดือนของฤดูกาล จึงทำให้ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรของไทยครึ่งปีแรกหดตัว

นอกจากนี้ ปัจจัยจากสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ไทยเผชิญกับปัญหาภัยแล้งมาตั้งแต่ปลายปี 57 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ทำให้ภาครัฐต้องขอความร่วมมือให้ชาวนางดการทำนาปรังและทำนาปีในช่วง 2 เดือนของฤดูกาล ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรของไทยครึ่งแรกของปี 58 หดตัว จากสาขาพืชและสาขาบริการทางการเกษตร ขณะที่ สาขาปศุสัตว์ สาขาประมง และสาขาป่าไม้ ยังขยายตัวได้ดี ซึ่งเมื่อจำแนกแต่ละสาขา พบว่า

สาขาพืช ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 หดตัว 7.3% จากการลดลงของผลผลิตพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปรัง ในเขตพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและแม่กลองที่มีเนื้อที่เพาะปลูกและผลผลิตที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ส่วนสับปะรดโรงงานลดลงจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งทำให้ต้นไม่สมบูรณ์จึงไม่ให้ผลผลิต ยางพาราลดลงจากน้ำยางในภาคอีสานที่ลดลงจากภัยแล้งและการตัดโค่นพื้นที่สวนยางพาราเก่า ปาล์มน้ำมันลดลงจากจำนวนทะลายที่ลดลงเพราะอากาศร้อนและขนาดทะลายเล็กเพราะจั่นมีเกสรตัวผู้มากกว่าตัวเมีย และผลไม้ที่ลดลง ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และเงาะ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจึงไม่ติดดอกออกผลเท่าที่ควร

พืชที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปีภาคใต้ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มขึ้น ลำไยนอกฤดูเพิ่มขึ้นจากผลผลิตในภาคกลางทยอยออกสู่ตลาด

พืชที่ราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรดโรงงาน ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน มังคุด และเงาะ ส่วนพืชที่มีราคาลดลง ได้แก่ ยางพารา อ้อยโรงงาน และลำไย ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ลำไยและผลิตภัณฑ์ มีปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกข้าวรวม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา น้ำมันปาล์ม ทุเรียนและผลิตภัณฑ์ มีปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลง ส่วนการส่งออกน้ำตาลและผลิตภัณฑ์มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นแต่มีมูลค่าส่งออกลดลง และการส่งออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์มีปริมาณส่งออกลดลงแต่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น

นายเลอศักดิ์ คาดว่า ปริมาณผลผลิตข้าวปีนี้ไม่เกิน 23 ล้านตัน จากปี 57 อยู่ที่ 36 ล้านตัน ซึ่งปริมาณผลผลิตข้าวที่ลดลงอาจจะส่งผลต่อการส่งออกข้าวลดลง แต่จะส่งผลดีต่อราคาข้าวของไทยปี 58 สูงกว่าราคาปี 57 แน่นอน

สาขาปศุสัตว์ขยายตัว 2.1% จากสินค้าปศุสัตว์สำคัญทุกประเภทราคาในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีจากความต้องการของตลาดต่างประเทศ และมีความเชื่อมั่นในระบบการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐานและมีการเฝ้าระวังและควบคุมโรคได้ดี ส่งผลให้ราคาไก่เนื้อ สุกร และไข่ไก่ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาลดลงเล็กน้อยตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น สำหรับการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นทั้งไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงแต่ง ขณะที่ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ลดลง

สาขาประมง ขยายตัว 2.2% จากผลผลิตกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงที่เพิ่มขึ้นหลังการฟื้นตัวจากปัญหาโรค EMS ส่วนสัตว์ทะเลขึ้นท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากการยกเลิกสัมปทานประมงในน่านน้ำประเทศอินโดนีเซีย และผลผลิตประมงน้ำจืด เช่น ปลานิล และปลาดุก เพิ่มขึ้นจากการเร่งจับปลาเพื่อเลี่ยงปัญหาภัยแล้ง สำหรับราคากุ้งขาวแวนนาไมขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม ลดลง 20.9% จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกปลาและผลิตภัณฑ์ ปลาหมึกและผลิตภัณฑ์มีปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลง ส่วนกุ้งและผลิตภัณฑ์มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นแต่มีมูลค่าลดลง

สาขาบริการทางการเกษตรหดตัว 6.6% จากการจ้างบริการเตรียมดิน wถพรวนดิน และการให้บริการเกี่ยวนวดข้าวที่ลดลงตามพื้นที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังที่ลดลง รวมทั้งการงดทำนาปีในพื้นที่เขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัดในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2558

สาขาป่าไม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 ขยายตัว 3.5% จากผลผลิตป่าไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ยางพาราที่เพิ่มขึ้นตามพื้นที่ตัดโค่นสวนยางพาราเก่าของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ขณะที่ไม้ยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้กระดาษทั้งในและต่างประเทศ ส่วนน้ำผึ้งขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยและการเร่งผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ และถ่านไม้มีขยายตัวเล็กน้อยตามธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารจากการขยายตัวของการท่องเที่ยวและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นจากกิ่งก้านของไม้ยางพาราและไม้ยูคาลิปตัสที่ตัดโค่น แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในปี 58 สศก.คาดว่าจะหดตัวอยู่ในช่วงร้อยละ -3.3 ถึง -4.3 โดยสาขาพืชและสาขาบริการทางการเกษตรเป็น 2 สาขาการผลิตที่หดตัว ขณะที่สาขาปศุสัตว์ สาขาประมง และสาขาป่าไม้ ยังคงมีการขยายตัวได้ดี โดยผลผลิตพืชสำคัญที่ลดลง ได้แก่ ข้าว สับปะรดโรงงาน ยางพารา ลำไย ทุเรียน มังคุด และเงาะ ทั้งนี้ การลดลงของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งนาปีและนาปรังทำให้การใช้บริการทางการเกษตรลดลงตามไปด้วย รวมทั้งมาตรการตัดโค่นสวนยางเพื่อปลูกทดแทน ส่งผลให้มีไม้ยางพาราท่อนและแปรรูปออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลผลิตมันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน คาดว่าจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นในทำนองเดียวกัน ผลผลิตปศุสัตว์สำคัญทั้งไก่เนื้อ สุกร ไข่ไก่ และน้ำนมดิบ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ผลผลิตกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่เกษตรกรสามารถปรับการเลี้ยงให้พ้นจากปัญหาโรค EMS ส่วนผลผลิตประมงทะเลมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยจากการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎ IUU ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงต้องเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงอย่างใกล้ชิดเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการการบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร และภาวะเสี่ยงฟองสบู่แตกของเศรษฐกิจจีนหลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนหดตัวลดลงกะทันหันและสัญญาณความซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากการหดตัวของการบริโภคภายในประเทศจีน

สศก.ประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของภาคเกษตรปี 58 ราว 406,400 ล้านบาท ลดลงจาก 422,453 ล้านบาทในปี 57 ส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกปี 58 มูลค่า 203,454 ล้านบาท ลดลงจาก 212,374 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 57


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ