ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีคอร์รัปชั่นไทยดีขึ้นในรอบ 6 ปี จ่ายสินบนลดลงหลังคสช.เข้าบริหารปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 13, 2015 15:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ในเดือนมิถุนายน 2558 โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 2,400 ตัวอย่าง ว่า ดัชนีคอร์รัปชั่นของไทยปรับตัวดีขึ้น โดยอยู่ที่ระดับ 55 เพิ่มขึ้นจาก 49 ในการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม 2557 แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์คอร์รัปชั่นของไทยเริ่มลดลง โดยลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ทั้งนี้ ผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย เดือนมิ.ย.58 พบว่า ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในปัจจุบัน เทียบกับปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 35% ลดลง 34% และที่เห็นว่าเท่าเดิมมี 31%

ส่วนคาดการณ์ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในปีหน้า เพิ่มขึ้น27% ลดลง28% เท่าเดิม26% ส่วนที่ไม่ทราบ/ไม่มีความเห็นมี19%

สาเหตุสำคัญที่สุดของการเกิดการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย 3 อันดับแรก คือ 1.ความไม่เข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบัยบ 2.กฎหมายเปิดโอกาสให้สามารถใช้ดุลยพินิจที่เอื้อต่อการทุจริต 3.ขาดกลไกการกำกับดูแลกิจการ/การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ

ด้านรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด คือ 1.การให้สินบน ของกำนัล หรือรางวัลต่างๆ 2.การใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พรรคพวก 3.การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ประโยชน์ในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่าค่าดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (Thai CSI) โดยรวมเดือนมิ.ย.58 อยู่ที่ 55 เปรียบเทียบเดือนธ.ค.57 ที่อยู่ที่ 49

ด้านดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยในปัจจุบัน โดยรวมเดือนมิ.ย.58 อยู่ที่ 52 เปรียบเทียบเดือนธ.ค.57 ที่อยู่ที่ 47

ส่วนดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชันไทยโดยรวม เดือนมิ.ย.58 อยู่ที่ 58 เปรียบเทียบเดือนธ.ค.57 ที่อยู่ที่ 51

*หมายเหตุ ค่าดัชนียิ่งมีค่าเข้าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์การคอร์รัปชันมีปัญหาลดน้อยลงหรือสถานการณ์ดีขึ้น

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การลดสินบนทุก ๆ ร้อยละ 1 ส่งผลให้การคอร์รัปชั่นลดลง 10,000 ล้านบาท โดยหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศและให้ความสำคัญเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น ทำให้การจ่ายเงินสินบนลดลง

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐมีการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษแก่ข้าราชการ/นักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้สัญญาในอัตรา 1-15% หรือมีค่าเฉลี่ย 10% คิดเป็นวงเงินที่ต้องจ่าย 100,000 ล้านบาทลดลงจากช่วง 2 ปีก่อนที่นักธุรกิจมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะ 30% หรือคิดเป็น 282,558 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีช่องทางในการจ่ายหรือช่องทางการรับเงินและนักธุรกิจไม่กล้าจ่ายเพราะกลัวนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ให้กฎหมายจริงจังในการปราบปรามคอร์รัปชัน ทำให้ภาครัฐสามารถประหยัดเงินไม่ให้รั่วไหลจากในอดีตกว่า 180,000 ล้านบาท จนมีผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มอีก 1% แต่จะมีผลในปี 59 ที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ในระดับ 4% หากภาครัฐมีการเดินหน้าโครงการต่างๆตามแผนงานที่กำหนดไว้ ส่วนในปีนี้ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาคาดว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวในระดับ 2.5-2.9%”

นอกจากนี้ ผลของการเอาจริงเอาจังในการปราบปรามการป้องกันและการสร้างเครือข่ายในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ทำให้นักธุรกิจที่อยู่ในวงการประมูลงานจากรัฐเพื่อให้ได้สัญญาจากเดิมมีปริมาณนักธุรกิจ 75% ที่เคยจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ปัจจุบันกลับเหลือเพียง 6% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่นักธุรกิจตอบว่าสถานการณ์การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นในไทยดีที่สุดเท่าที่มีการสำรวจมาในรอบ 6 ปี และอยากให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่เข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คสช. สานต่อนโยบายดังกล่าวด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ