คลัง เร่งปรับปรุงกฎระเบียบให้เอกชนไทยพร้อมแข่งขันในการเข้าสู่ AEC

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 7, 2015 09:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการตลอดจนระเบียบต่างๆ เพื่อเอื้อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ได้อย่างไม่เสียเปรียบ โดยการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน เช่น การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการโดยเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนโดยเสรีมากขึ้น โดยการจัดตั้งระบบการให้บริการแบบ National Single Window ซึ่งเป็นระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร ใช้เอกสารเพียงชุดเดียวในการดำเนินการ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีการเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว 30 หน่วยงาน จากทั้งหมด 36 หน่วยงาน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ AEC ที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธ.ค.58 นี้

นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อส่งเสริมการลงทุนและเพิ่มศักยภาพการผลิตโดยรวมของประเทศ การปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 5 ขั้น เป็น 7 ขั้น และลดอัตราสูงสุดจากร้อยละ 37 ของเงินได้สุทธิ มาเหลือร้อยละ 35 เพื่อทำให้ระบบภาษีสอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป

รวมทั้งการเจรจาจัดทำอนุสัญญาว่าด้วยความตกลงเพื่อการเว้นภาษีซ้อน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้เจรจาจัดทำอนุสัญญาเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศในอาเซียนแล้ว 9 ประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว 7 ประเทศ เหลือเพียงกัมพูชา และบรูไนที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ว่า ขณะนี้มีความก้าวหน้าไปมากโดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายซึ่งนับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ประกอบกับมีพื้นที่อำเภอชายแดนทั้ง 3 อำเภอ คือ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ซึ่งกำลังจะได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อไปยัง 3 ประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่ค้าสำคัญ คือ เมียนมาร์ ลาว และจีน จึงทำให้เชียงรายเป็นพื้นที่น่าสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในลำดับต้นๆ

ด้านนายศิริชัย คุณาบุตร นายด่านศุลกากรแม่สาย กรมศุลกากร กล่าวว่า ได้เสนอของบประมาณไว้ 100 ล้านบาท เพื่อเร่งปรับปรุงด่านแม่สายให้เกิดความสะดวกคล่องตัวในการเดินทาง และขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นการรองรับการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งรองรับการเข้าสู่ AEC ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ด้วย

ทั้งนี้ ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าผ่านด่านที่แม่สายถึงเดือนละประมาณ 1,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นปีละประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรกของไทย คือ น้ำมันเชื้อเพลิง, สุรา เบียร์ ไวน์, น้ำดื่ม และเครื่องดื่มต่างๆ, ปูนซีเมนต์ และเหล็ก ขณะที่สินค้าสำคัญที่มีการนำเข้าผ่านด่านแม่สายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ แร่แมงกานีส ส้มสด และใบชา

สำหรับในช่วง 11 เดือนของปีงบ 58 (ต.ค.57 - ส.ค.58) ด่านศุลกากรแม่สายมีรายได้จากการจัดเก็บอากรขาเข้าและค่าธรรมเนียมต่างๆ ประมาณ 25 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3.4% ในขณะที่มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้กรมสรรพากรถึง 6,227 ล้านบาท

"เมื่อมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งมีการเปิด AEC ก็เชื่อว่าจะทำให้มูลค่าการค้า และรายได้จากการจัดเก็บ VAT มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ถึง 2 เท่าตัว"นายศิริชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ