ICT ผุด 6 กลุ่มโครงการหนุนดิจิตอลเสริมศักยภาพธุรกิจ-การให้บริการภาครัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 9, 2015 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยผลการประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ เพื่อหารือการจัดทำโครงการสำคัญ "Flagship Project" ที่เห็นเป็นรูปธรรมในระยะเร่งด่วน ครั้งที่ 2/2558 ว่า ที่ประชุมได้มีการกำหนดแผนงานเป็นกลุ่มโครงการ 6 กลุ่ม และมีโครงการรวมประมาณ 15 โครงการ เน้นการใช้ดิจิตอลช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจ พร้อมทั้งผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่เป็นเมือง Smart City

กลุ่มโครงการ ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมโอกาสและขีดความสามารถประกอบธุรกิจของภาคเอกชน 2.การสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางสังคม 3.การปรับเปลี่ยนโครงการภาครัฐในการให้บริการประชาชน 4.การพัฒนาทุนมนุษย์ เน้นการพัฒนาบุคลากรให้สอดรับการขับเคลื่อน Digital Economy 5.การเชื่อมโยงโครงข่าย Conectivity สนับสนุนการดำเนินงานของทุกกลุ่ม และ 6.การจัดตั้ง Smart City โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรมที่รัฐบาลกำหนดเป็นซูปเปอร์ คลัสเตอร์ เริ่มที่จังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่

ด้านนางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ชี้แจงในรายละเอียดของกลุ่มโครงการทั้ง 6 กลุ่มว่า ในเรื่องการส่งเสริมโอกาสและขีดความสามารถประกอบธุรกิจของภาคเอกชน เน้นการให้ความรู้และช่วยเหลือในเรื่องเครื่องมือด้านไอที เช่น เรื่องระบบการตรวจสอบสินค้าคงคลัง การจัดเก็บสินค้า และเรื่องระบบบัญชี รวมถึงการจัดทำระบบการขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ให้มีความปลอดภัย โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันของทางกระทรวงพาณิชย์ สสว.และกระทรวงไอซีที

สำหรับการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางสังคม เน้นการพัฒนาจัดทำ content ปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้มีความทันสมัย โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนอาชีวะ และการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) พร้อมทั้งผลักดันให้มีการศึกษาผ่านระบบออนไลน์เกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ

ส่วนการปรับเปลี่ยนโครงการภาครัฐในการให้บริการประชาชน เน้นการจัดทำระบบออนไลน์ สามารถให้บริการประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง และดำเนินการให้เกิด One stop service อย่างเป็นรูปธรรม

ด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ เน้นการพัฒนาบุคคกรให้สอดรับการขับเคลื่อน Digital Economy เน้นการพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะภาครัฐให้มีความรู้ ความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น และฝึกฝนให้คนที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมมีความเชี่ยวชาญด้านไอทีเพิ่มมากขึ้นด้วย

สำหรับการเชื่อมโยงโครงข่าย Conectivity สนับสนุนการดำเนินงานของทุกกลุ่ม เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม จัดตั้ง Data Center เพื่อสนับสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ และให้บริการสำหรับภาครัฐและสังคมในการมีโครงข่ายในการทำงานได้ นอกจากนั้นจะเน้นการใช้ทรัพยากรร่วมกันของ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เช่น การร้อยท่อลงดิน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับการไฟฟ้าด้วย

ส่วนการจัดตั้ง Smart City โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรมที่รัฐบาลกำหนดเป็นซูปเปอร์ คลัสเตอร์ เริ่มที่จังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่ มุ่มเน้นการสร้างบรรยากาศให้กลุ่มนักลงทุนสนใจที่จะเข้าลงทุนด้านไอทีในประเทศไทยมากขึ้น และเห็นผลความคืบหน้าภายใน 3 เดือน

นายอุตตม กล่าวถึงปัญหาภายในองค์กรของทีโอที และ กสท โทรคมนาคมว่า ในขณะนี้ทั้ง 2 องค์กรยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปรับปรุงโครงสร้างภายในเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ซึ่งในการหารือเบื้องต้นยังไม่ได้มีการพูดถึงการที่จะนำทรัพยากรของทั้ง 2 บริษัทมาใช้ร่วมกัน แต่ได้กำชับให้ 2 องค์กรเร่งจัดทำแผนให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนใช้ทรัพยากรต่อไป

ส่วนกรณีที่ทางทีโอทีเตรียมจะฟ้องร้องในเรื่องการประมูลคลื่น 900 นั้น นายอุตตม ระบุว่า เท่าที่ทราบทางทีโอทียังไม่ได้มีการฟ้องร้อง แต่ก็เป็นสิทธิที่จะดำเนินการได้ และยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่ากระทรวงไอซีทีจะดำเนินการอย่างไรหากทีโอทีจะมีการฟ้องร้องจริง แต่กระทรวงก็มีมาตรการรองรับไว้แล้ว

สำหรับเรื่อง Single Gateway นั้น รมว.ไอซีที ย้ำว่า เป็นเพียงการศึกษาหาแนวทางในการพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศ และการพัฒนาระบบอินเตอร์เนตให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด รวมถึงการเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารให้เกิดความเป็นธรรมเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ