ทั้งนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สมอ.ยังดำเนินการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นฯ โดยห้ามการเจือธาตุอัลลอยด์ในผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นไม่เสร็จเรียบร้อย แต่ สมอ.กลับมีการออกใบอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์มาตรฐานบังคับให้กับบางบริษัทเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ยืนยันว่าจะไม่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นฯ ในระหว่างดำเนินการแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานดังกล่าว
"จากปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างภายในของประเทศซึ่งอยู่ในภาวะล้นตลาด เนื่องจากมีกำลังการผลิตเหล็กเส้นที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน มอก.รวมกันอยู่ถึง 7 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการภายในประเทศมีเพียง 2 ล้านตันต่อปีเท่านั้น" หนังสือร้องเรียน ระบุ
ตัวแทนผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเห็นว่า ไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดๆ ที่ทาง สมอ.จะออกใบอนุญาตเพิ่มเติมให้มีการนำเข้าเหล็กเส้นเพื่อทำลายอุตสาหกรรมภายในประเทศ และยังถือว่าการนำเข้าไม่มีความเป็นธรรมทางการค้าอีกด้วย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากจีนมีราคาต่ำผิดปกติที่ประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 13 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งมองว่าที่ราคาอาจจะต่ำกว่าต้นทุนอาจเกิดจากผู้ผลิตจีนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการส่งออกด้วยการคืนภาษีร้อยละ 13 และผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นรัฐวิสาหกิจจึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีก เพื่อเป็นการช่วยเหลือดำเนินกิจการ ทำให้สร้างความได้เปรียบในด้านต้นทุนผลิตสินค้า
อีกทั้งการนำเข้าเหล็กอัลลอยด์ยังได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าอีกร้อยละ 5 ที่ภาครัฐได้ยกเว้นสำหรับเหล็กเกรดพิเศษ แต่เหล็กเส้นก่อสร้างไม่ได้รับการยกเว้น ส่งผลต่อการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งหากรัฐบาลไม่ให้ความช่วยเหลือก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเหล็กเส้นภายในประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ประกอบการเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนใบอนุญาตนำเข้าเหล็กเส้นของผู้นำเข้าที่ได้ออกใบอนุญาตไปแล้ว และอยากให้มีการระงับการออกใบอนุญาตนำเข้าเพิ่มเติม และเร่งรัดการออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในเรื่องส่วนประกอบทางเคมี รวมถึงอยากให้มีการทบทวนขั้นตอนการออกใบอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์มาตรฐานบังคับ โดยควรกำหนดให้ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการมาตรฐานอุตสาหกรรมก่อนที่จะมีการออกใบอนุญาตและใบอนุญาตควรจะมีการกำหนดวันหมดอายุให้เป็นแบบเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ ตัวแทนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นยังมีความกังวลเรื่องมาตรฐานของเหล็กเส้นที่นำเข้าจากประเทศจีน เนื่องจากไม่ทราบที่มาที่ชัดเจน อาจมีผลต่อความปลอดภัยต่อตัวอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง และอาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน