เงินบาทเย็นนี้ 35.58/60 แกว่งแคบ ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.50-35.70

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 29, 2015 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นวันนี้อยู่ที่ระดับ 35.58/60 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.62/64 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วง 35.57-35.60 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่ตลาดรับทราบมติของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) แล้วว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ และอาจจะไปรอพิจารณาอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. จึงยังไม่มีปัจจัยอะไรที่ทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวได้มากนักในวันนี้

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.6200 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.67/70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.65/70 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร ช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0950/0952 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0917/0920 ดอลลาร์/ยูโร
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) วันที่ 27-28 ต.ค.58 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมีมติยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กรอบร้อยละ 0.00-0.25 ตามที่ตลาดคาด และจะดำเนินนโยบายเดิมต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการครบกำหนดไถ่ถอนของตราสารหนี้ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ (Agency debts) หลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของ Agency (Agency MBS) และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับมาลงทุนใหม่ เพื่อช่วยให้สถานการณ์ทางการเงินอยู่ในภาวะผ่อนคลายต่อไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากการที่โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ภายในปีนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหากข้อมูลเศรษฐกิจและเครื่องชี้ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนภาพการฟื้น รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางชั้นนำอื่นๆ (อาทิ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น) ที่ยังมีสัญญาณผ่อนคลายตัวอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่อ่อนค่า (และอาจจะเข้าทดสอบระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้ง) ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยก็อาจทยอยปรับตัวขึ้น ท่ามกลางกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่น่าจะมีความผันผวนมากขึ้นเช่นกัน

  • นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ ได้โพสต์ facebook ส่วนตัว ระบุถึงกรณีธนาคารโลก (World Bank) ได้ประกาศลำดับของความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของไทยในปี 58 โดยลดลำดับจาก 46 มาเป็น 49 ว่า นอันดับที่ลดลงอาจไม่ได้หมายถึงการทำธุรกิจในไทยยากขึ้น แต่อันดับลดลงอาจเป็นเพราะประเทศอื่นปฏิรูปได้เร็วกว่า โดยยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เร่งแก้ไขปัญหาและขจัดอุปสรรคต่างๆ ให้ภาคธุรกิจได้รับความสะดวกเพิ่มมากขึ้น และเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยอยู่ในประเทศลำดับต้นๆ ของ Ease of Doing Business!
  • นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า แม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยช่วงม.ค.-ก.ย.58 จะหดตัว 4.98% จากระยะเดียวกันของปี 57 แต่ก็ดีกว่าประเทศอื่นๆมาก ในภาวะที่มูลค่าส่งออกของโลกคาดว่าทั้งปี 58 จะลดลง 11.17% ขณะที่เมื่อพิจารณาในรูปเงินบาทพบว่ามีมูลค่าส่งออก 665,587 ล้านบาท ขยายตัว 5.52% ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนลงกว่า 11.9% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.57
  • สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ได้ผ่านข้อตกลงงบประมาณระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มระดับการใช้จ่าย รวมทั้งขยายเพดานหนี้ของรัฐบาล ข้อตกลงดังกล่าวจะขยายอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลไปจนถึงเดือนมี.ค.60 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สภาคองเกรสและประธานาธิบดีคนใหม่ปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งข้อตกลงนี้ยังปรับเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลไปอีก 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปีงบประมาณ 2559 และ 2560 โดยจัดสรรให้กับกองทัพและโครงการอื่นในสัดส่วนที่เท่ากัน
  • สำนักงานกำกับดูแลด้านการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนในเกาเหลีใต้ยังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยหนี้ค้างชำระของภาคครัวเรือนเกาหลีใต้ในช่วงสิ้นเดือนก.ย. อยู่ที่ 615.1 ล้านล้านวอน (5.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 6.2 ล้านล้านวอนเมื่อเทียบรายเดือน ทั้งนี้หนี้ครัวเรือนเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 1.5%

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ