โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าไปแตะที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ แต่เป็นผลมาจากแรงซื้อแรงขายตามปกติ อย่างไรก็ดี เงินบาทในระยะนี้มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ เนื่องจากทิศทางดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า ประกอบกับค่าเงินยูโรผันผวนจากเหตุก่อการร้ายในฝรั่งเศส
"ช่วงเที่ยงๆ บาทอ่อนค่าไปแตะระดับ 36 บาท แต่หลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆ ไล่ลงมา วันนี้บาททำ high สุดที่ 36.02 และ low สุดที่ 35.92 แนวโน้มบาทยังอ่อนค่าต่อ เพราะ trend ดอลลาร์ยังแข็งค่า และเงินยูโรผันผวนเพราะเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส" นักบริหารเงิน กล่าวนักบริหารเงิน ระบุว่า พรุ่งนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.90 - 36.15 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.93/97 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 122.55 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0729/0732 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0718 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,388.62 เพิ่มขึ้น 6.16 จุด (+0.45%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 35,830 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,266.84 ลบ.(SET+MAI)
- สภาพัฒน์แถลง GDP ไตรมาส 3/58 ขยายตัว 2.9% ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงไตรมาส 2/58 ที่ขยายตัวได้ 2.8% พร้อมกันนี้ได้คาดการณ์ GDP ในปี 58 ว่าจะขยายตัวได้ 2.9% โดยมีปัจจัยหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีที่คาดว่าจะเกินกว่า 30 ล้านคน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ แม้การส่งออกและการผลิตภาคเกษตรทั้งปีจะมีแนวโน้มปรับลดลงมากกว่าคาด
ขณะที่ประเมิน GDP ในปี 59 ว่าจะขยายตัวได้ 3-4% โดยมีปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น 2.แรงขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจโลกและราคาส่งออก 4.เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ส่งผลให้รายรับและสภาพคล่องของผู้ประกอบการดีขึ้น 5.ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นช้าๆ ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก 6.ราคาน้ำมันในระดับต่ำ สนับสนุนอำนาจซื้อของประชาชนและภาคธุรกิจ 7.ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
- นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 2.9% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน และประมาณการใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ในปี 2558 ที่ขยายตัว 2.9% และ ปี 2559 ที่ 3.0-4.0%นั้น ถือว่าใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประเมินไว้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง กนง.มองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเม็ดเงินภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้าสู่ระบบมากขึ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินกรอบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2559 ในเบื้องต้นไว้ที่ 2.5-3.5% (ค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ 3.0%)
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังคงเปราะบางจากปัจจัยลบด้านรายได้ โดยเศรษฐกิจไทยใน 3 ไตรมาสแรกเติบโตได้ 2.9% ซึ่งถือว่าดีกว่าที่อีไอซีประมาณการไว้เดิม ทำให้มีโอกาสที่การเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้อาจสูงกว่าที่อีไอซีประเมินไว้ที่ 2.2% เมื่อเดือนตุลาคม
- คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการในกลุ่มต่างๆ จำนวน 15 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 37,516 ล้านบาท
- นายเจคอบ ลูว์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ได้หารือถึงความจำเป็นที่ญี่ปุ่นจะต้องให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปโครงสร้าง เพื่อยกระดับศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ
- นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวราว 7% ในปีนี้ โดยคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะมีสัดส่วนสูงถึงหนึ่งในสามของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
- คณะกรรมการการเลือกตั้งของเมียนมาร์ (UEC) ประกาศว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ซึ่งนำโดยนางออง ซาน ซูจี สามารถกวาดที่นั่งได้ 880 ที่นั่งใน 3 สภา หรือในสัดส่วน 77.3% ของที่นั่งทั้งหมด 1,139 ที่นั่ง ส่วนพรรคสหภาพเพื่อเอกภาพและการพัฒนา (USDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้ที่นั่งใน 3 สภาทั้งสิ้น 115 ที่นั่ง หรือคิดเป็น 10% ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญของเมียนมาร์แล้ว คะแนนของพรรค NLD ในขณะนี้มีมากพอที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้อย่างเป็นอิสระ
- บรรดารัฐมนตรีจาก 21 ประเทศ ได้เริ่มการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (APEC) ระยะเวลา 2 วันแล้วในวันนี้ โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้าย อันเนื่องมาจากเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และความริเริ่มด้านการค้าเสรีทั่วภูมิภาคหลังการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก