(เพิ่มเติม) กกพ.เผยมีผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ 219 ราย

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday December 12, 2015 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าจาก
พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร(โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ)ที่จะเปิดรับซื้อ
ระยะแรก 600 เมกะวัตต์(MW) โดยพบว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการรวม 219 ราย คิดเป็นปริมาณเสนอขายไฟฟ้ารวมไม่
เกิน 1,095 เมกะวัตต์ จากที่มีผู้ยื่นข้อเสนอมาทั้งหมด 618 ราย คิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวม 2,905.50 เมกะวัตต์

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า หลังจากปิดยื่นคำขอรับซื้อ ไฟฟ้าฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้ารวมจำนวน 604 ราย โดยมีผู้ถอนคำขอออกไป 14 ราย เพื่อเข้าสู่ขั้นตอน การคัดกรองผู้ยื่นคำขอที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด โดยมีคณะอนุกรรมการที่มาจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจ สอบคุณสมบัติและคัดเลือก ซึ่งได้พิจารณาความครบถ้วนของเอกสาร โดยเฉพาะที่ดินจัดตั้งโครงการต้องอยู่ในเขตพื้นที่ตามประกาศ ข้อมูลศักยภาพของระบบไฟฟ้า รวมทั้งได้พิจารณาตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วย การผังเมือง เป็นต้น และความพร้อมของเงินทุน ซึ่งพบว่ามีผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าที่ผ่านคุณสมบัติเพื่อเข้าสู่การคัดเลือกโดยการจับสลาก รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 219 ราย (หน่วยงานราชการ จำนวน 121 ราย และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 98 ราย) และคิดเป็น ปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวมเป็นจำนวน 1,028.67 เมกะวัตต์ และเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ในเฟสแรกจำนวน 600 เมกะ วัตต์ ยังคงสูงกว่าเป้าหมายอยู่

"สำหรับจำนวนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ 385 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่มากอยู่นั้น สาเหตุสำคัญที่ส่วนใหญ่ไม่ผ่านคุณสมบัติการคัด เลือก ก็เนื่องจากติดกฎหมายผังเมืองไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้า ถึงแม้จะอยู่ในเขตพื้นที่ตามประกาศข้อมูลศักยภาพของระบบไฟฟ้าก็ ตามที" นายวีระพล กล่าว

โดยผู้ที่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการในกลุ่มหน่วยงานราชการจำนวน 121 ราย ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า รวมไม่เกิน 605 เมกะวัตต์ และโครงการในกลุ่มหน่วยงานกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 98 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า รวมไม่เกิน 490 เมกะวัตต์ ซึ่งผู้ผ่านคุณสมบั้ติสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ www.erc.or.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ.

ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าวต้องนำเอกสารใบตอบรับคำขอมาลงทะเบียนในวันที่ 15 ธ.ค.58 เวลา 08.00-09.30 น.ที่ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อเข้าร่วมการจับฉลากเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซ ลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯดังกล่าวต่อไปในวันเดียวกัน

อนึ่ง กกพ.ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้าตามโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 1-10 พ.ย.58 ซึ่งผู้ที่ยื่นเข้า ร่วมโครงการต้องมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ต่อโครงการ โดยพบว่ามีผู้มายื่นเสนอรวม 618 ราย และคิดเป็น ปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวมจำนวน 2,905.50 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น หน่วยงานราชการ 384 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า รวม 1,778.03 เมกะวัตต์ และสหกรณ์ภาคการเกษตร รวม 234 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้ารวม 1,127.47 เมกะวัตต์

กกพ.ได้ออกออกประกาศและหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ โดยการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว มีปริมาณรวมไม่เกิน 800 เมกะวัตต์ แบ่งการรับซื้อเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจำนวน 600 เมกะวัตต์ มีกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้า ระบบเชิงพาณิชย์(SCOD) ไม่เกินวันที่ 30 ก.ย.59 ส่วนระยะที่สอง มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.61

เป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าในระยะที่ 1 จำนวน 600 เมกะวัตต์ กกพ.ได้แบ่งเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) จำนวน 200 เมกะวัตต์ ,พื้นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) จำนวน 389 เมกะ วัตต์ แบ่งเป็น ภาคเหนือ 5 เมกะวัตต์ ,ภาคตะวันออก 87 เมกะวัตต์ ,ภาคตะวันตก 159 เมกะวัตต์ และภาคกลาง 138 เมกะ วัตต์ และพื้นที่ของกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 11 เมกะวัตต์ ซึ่งในส่วนนี้กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกอง ทัพเรือ ก็จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวเสมือน กฟน.และ กฟภ.

โครงการที่ได้รับการคัดเลือกจะมีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี และจะได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่ 5.66 บาท/หน่วย ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)เคยคาดการณ์ว่าแต่ละโครงการจะมีอัตราผลตอบแทนจาก การลงทุน(IRR) ราว 10-12%

"สำนักงาน กกพ.จะประกาศผลการคัดเลือกในเบื้องต้นหลังจากจับสลากทุกโครงการแล้วเสร็จ และประกาศผลการคัด เลือกอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ก่อนที่จะสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในเดือนกันยายน 2559" นายวีระพล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ