กสทช.ชี้ JAS เล็งเป็นพันธมิตรผู้แพ้ประมูล เชื่อมีรายใหม่ปชช.ได้ประโยชน์

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday December 20, 2015 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ​กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ผลการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz เหนือความคาดหมายทั้งในเรื่องราคาชนะประมูล และผู้ชนะการประมูล เนื่องจากคลื่นความถี่ 900 MHz มีคุณสมบัติเดินทางได้ไกลกว่าคลื่นความถี่ 1800 MHz การตั้งเสาสถานี 1 ต้น จึงครอบคลุมพื้นที่เทียบเท่ากับเสาสถานีของคลื่นความถี่ 1800 MHz ประมาณ 3 ต้น ทำให้ใช้งบประมาณในการขยายโครงข่ายต่ำกว่าในพื้นที่ให้บริการขนาดเดียวกัน ราคาคลื่นความถี่ 900 MHz เฉลี่ยต่อหน่วยทั่วโลกจึงสูงกว่าราคาคลื่นความถี่ 1800 MHz ประมาณ 2 เท่าตัว
"ราคาชนะประมูลที่สูงสะท้อนถึงความต้องการชนะที่สูงเช่นกัน ปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการสูงขนาดนี้ มีหลายด้าน ได้แก่ ปัจจัยด้านเทคนิค: คลื่นความถี่ 900 MHz ประหยัดงบประมาณการขยายโครงข่าย และที่สำคัญประเทศไทยมีคลื่นย่านนี้เหลือสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียง 20 MHz ที่นำมาจัดประมูลครั้งนี้เท่านั้น ไม่มีคลื่นเหลืออีกแล้ว ในขณะที่ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินเดียหรือเยอรมนี มีการประมูลคลื่นความถี่ย่านนี้ในปริมาณมากกว่าไทย เมื่อเป็นสินค้าที่ขาดแคลนและมีความต้องการสูง จึงไม่น่าแปลกใจว่าราคาจะสูงไปด้วย"นายประวิทย์ กล่าว

ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลว่าราคาชนะประมูลที่สูงจะทำให้บริการ 4G แพงขึ้นนั้น นายประวิทย์ กล่าวว่า กสทช. ได้กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราค่าบริการเฉลี่ยที่ต้องลดต่ำกว่าค่าบริการเฉลี่ยในปัจจุบัน แต่เป็นไปได้ว่า หากผู้ชนะการประมูลเน้นการประคับประคองผลประกอบการ จะพบการลดค่าบริการอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กน้อย และหากผู้ชนะการประมูลขาดแคลนงบประมาณในการขยายโครงข่าย ก็จะกระทบต่ออัตราการครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการ อย่างไรก็ตาม กสทช. มีหน้าที่ต้องติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในทุกด้าน และหากจำเป็นอาจต้องกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อการคุ้มครองประโยชน์ของสาธารณะ

สำหรับค่ายเอไอเอสและค่ายดีแทค แม้จะไม่ชนะการประมูล แต่ระดับราคาที่ยืนหยัดสู้ในการประมูลที่ไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท ทั้งสองค่าย สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งสองค่ายสู้เต็มที่และไม่ได้ส่งสัญญาณแม้แต่น้อยว่าจะถอนตัวออกจากตลาดมือถือเมืองไทย โดยแต่ละค่ายเองยังมีคลื่นความถี่ย่านอื่นที่จะให้บริการได้อยู่ ในปัจจุบันทั้งสองค่ายมิได้ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์คับขันแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องกำหนดกลยุทธ์เพื่อรักษาคุณภาพบริการและส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ สำหรับค่ายทรูนั้น การมุ่งมั่นเอาจริงเพื่อชนะการประมูลทั้งคลื่นความถี่ 900 และ 1800 MHz แสดงให้เห็นถึงความต้องการก้าวสู่อันดับ 1 ของตลาดมือถือในไทย การครอบครองคลื่นหลายย่านความถี่ในปริมาณมากจะเป็นผลดีต่อคุณภาพบริการและความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการ

ในส่วนน้องใหม่ในตลาดมือถือคือค่ายแจส ซึ่งเดิมมีบริการบรอดแบนด์แบบมีสายและบริการไวไฟอยู่แล้ว การเพิ่มบริการบรอดแบนด์ผ่านมือถือจะทำให้สามารถบริการลูกค้าบรอดแบนด์ได้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และแม้ว่าราคาคลื่นที่แจสเคาะนั้นนับว่าสูงเกินไปสำหรับรายใหม่ที่จะทำกำไร เพราะเป็นระดับราคาของรายเก่ารายใหญ่ แต่ก็คาดการณ์ว่าแจสคงจะหาพันธมิตรทางธุรกิจกับค่ายมือถือเดิมที่ไม่ชนะการประมูลครั้งนี้ เพื่อลดต้นทุนส่วนอื่นในการเข้าสู่ตลาดมือถือ จึงต้องจับตาว่าค่ายมือถือที่ครอบครองคลื่นความถี่ปริมาณน้อยกว่าค่ายอื่นน่าจะมีโอกาสที่จะเป็นพันธมิตรที่ผลประโยชน์ลงตัวมากที่สุดใช่หรือไม่

ทั้งนี้ การที่มีผู้ให้บริการรายใหม่เกิดขึ้น น่าจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันเพื่อผู้บริโภคอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่การแข่งขันในตลาดมือถือของสามค่ายใหญ่อยู่ในสภาพตกตะกอนมาหลายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ