วันนี้คาดว่าเงินบาทจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ ในวันทำการสุดท้ายของปีก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ การทำธุรกรรมจึงเบาบาง ประกอบกับไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามามีผลต่อตลาดในช่วงนี้
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบที่ 36.05-36.15 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ช่วงเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.51/56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.35 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.0922/0923 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0988 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.114 บาท/ดอลลาร์
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบยูโรและสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ท่ามกลางการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินยูโร
- ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านของสหรัฐในเดือน ต.ค.ปรับตัวขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือน ก.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นในภาพรวมช่วยหนุนราคาบ้านอย่างต่อเนื่อง
- ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 96.5 จากระดับ 92.6 ในเดือนพ.ย. โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวดีขึ้นในเดือนธ.ค. เนื่องจากตลาดแรงงานแข็งแกร่งและราคาน้ำมันถูกลง จึงกระตุ้นให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยสินค้า ตลอดจนซื้อสินค้าเพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาล
- ธนาคารกลางจีน แถลงการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะเริ่มประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปีหน้า ด้วยการใช้ระบบการประเมินนโยบายกำกับดูแลสถาบันการเงิน (Macroprudential Assessment System) โดยจะนำระบบดังกล่าวมาใช้ในการตรวจสอบฐานเงินทุนของธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนจะจับตาดูการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินผ่านทางการใช้ระบบดังกล่าว โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ต้นทุนการระดมเงินทุนปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนจะสร้างภาวะแวดล้อมด้านการเงินและการคลังอย่างเหมาะสม เพื่อให้การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 37.87 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 37.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูความเคลื่อนไหวของอิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากการปิโตรเลียมอิหร่านระบุว่า อิหร่านมีความพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ภายหลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ทั้งนี้ หากอิหร่านผลิตน้ำมันและส่งออกเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นด้วย สถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ