ทั้งนี้ ราคาที่มีการกำหนดออกมานั้นเป็นที่พอใจของเกษตรกร โดยยึดตามมติ ครม.ที่ตั้งไว้ไม่เกินเพดานสูงสุด 60 บาท และไม่ต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน และเป็นราคาที่รัฐบาลไม่ขาดทุน โดยจะรับซื้อเฉพาะแผ่นยางดิบในจำนวน 1 แสนตันราคาเดียว โดยหลังจากมีการกำหนดราคาแล้ว จะมีการลงพื้นที่สำรวจจำนวนเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งจะมีตัวแทนจาก คสช. มหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทหาร เนื่องจากรายชื่อจากกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการยางไม่ตรงกัน ซึ่งการลงพื้นที่จะตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการจ่ายเงิน 1,500 บาทต่อไร่ที่ยังมีปัญหาด้วย โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนมกราคม จะสามารถรับซื้อยางจากเกษตรกรได้
ขณะที่ส่วนราชการที่เสนอข้อมูลนั้น ขอความร่วมมือในการเสนอรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะใช้เงินทุนและความต้องการปริมาณยางเท่าไร เช่นที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอว่าบริษัทผลิตถุงมือยาง มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องจักรซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนมากขึ้นโดยจะได้เสนอรัฐบาลให้ช่วยเหลือในการออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าวต่อว่า อคส. ไม่ได้ซื้อยางมาเก็บแต่จะเข้าไปติดต่อเพื่อให้ผู้ซื้อโดยมีทั้งเอกชนและราชการติดต่อโดยตรงกับเกษตรกร ทั้งนี้ยืนยันตนไม่ได้แทรกแซงราคา เพราะไม่ได้รับซื้อเอง ส่วนที่เกษตรกรมีความกังวลว่าตนไม่มีประสบการณ์นั้นในส่วนนี้ถือเป็นงานที่ท้าทายพิสูจน์ตัวเอง แม้ที่ผ่านมา อคส.เคยรับซื้อแต่ปาล์มและข้าวแต่คิดว่าการจัดการยางนั้นขึ้นอยู่กับการบริการจัดการและความตรงไปตรงมา โปร่งใสที่จะแก้ปัญหาได้ โดยมี คสช.เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย