เงินบาทปิด 36.31/33 แกว่งแคบ รอลุ้นจีนประกาศ GDP ไตรมาส 4/58 พรุ่งนี้

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่แคบมาก เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4/58 ของจีนที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ก่อน ซึ่งหากตัวเลข GDP ออกมาไม่ดี ก็จะส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่า และเงินบาทก็น่าจะอ่อนค่าตาม

"วันนี้เงินบาทขยับน้อยมาก ตลาดค่อนข้างนิ่งๆ รอดูพรุ่งนี้จีนจะประกาศ GDP ไตรมาส 4/58" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 36.25-36.40 บาท/ดอลลาร์

• ปัจจัยสำคัญ

• ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.25 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 117.25/30 เยน/ดอลลาร์
• ส่วนเงินยูโรช่วงเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 1.0880/0890 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0899/0900 ดอลลาร์/ยูโร
• ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,245.05 ลดลง 0.80 จุด (-0.06%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 35,586 ล้านบาท
• สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,157.14 ลบ.(SET+MAI)
• สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 พฤศจิกายน 2558 มีจำนวน 5,975,766.31 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.52 ของ GDP และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นสุทธิ 108,393.63 ล้านบาท
• สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 87.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.8 ในเดือนพ.ย.58 และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเดือนธ.ค. ได้แก่ การจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในช่วงสิ้นปี การจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 และมาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในช่วงปีใหม่ ประกอบกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงต่อเนื่องได้ส่งผลดีต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ
• ส.อ.ท.ตั้งเป้าส่งออกรถยนต์ปีนี้ไว้ที่ 1.22-1.25 ล้านคัน โดยมีปัจจัยบวกจากที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตได้ 2.9% ส่วนยอดขายในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.5-7.8 แสนคันหลังจากความต้องการซื้อส่วนหนึ่งถูกดึงไปแล้วในปี 58 จากการเร่งซื้อเพราะการขึ้นภาษี ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์รวมทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านค้น
• นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวปานกลาง แม้ว่าอุตสาหกรรมส่งออกและการผลิตของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงจีน โดย BOJ ยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และอาจจะปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น โดยประเมินความเสี่ยงช่วงขาขึ้นและขาลงที่จะมีต่อเศรษฐกิจและราคา
• นายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบีย แสดงความคิดเห็นว่าตลาดน้ำมันโลกจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งผ่านทางความร่วมมือของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เขากล่าวว่า แรงผลักดันของตลาด รวมทั้งความร่วมมือกันของกลุ่มประเทศผู้ผลิต มักจะช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน
• ธนาคารกลางจีนประกาศว่าจะกำหนดให้ธนาคารต่างชาติกันสำรองเงินฝากสกุลเงินหยวนในจีน ตามข้อกำหนดเงินสำรอง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.นี้ โดยจดหมายเวียนของธนาคารกลางจีนระบุว่า หลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) จะมีการนำมาใช้กับธนาคารต่างชาติ ซึ่งดำเนินธุรกิจสกุลเงินหยวนในจีน โดยจะมีการกำหนดสัดส่วน RRR สำหรับธนาคารต่างชาติในระดับเดียวกับธนาคารพาณิชย์ของจีน
• ผู้จัดการทั่วไปของการรถไฟแห่งประเทศจีนแถลงว่า จีนจะลงทุนในโครงการสร้างทางรถไฟมูลค่า 8 แสนล้านหยวน (1.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ โดยเฉพาะในเขตตอนกลาง และตะวันตกที่ยังมีการพัฒนาน้อย ซึ่งในปีที่แล้วมีผู้ใช้บริการรถไฟประมาณ 2.5 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 10% ในช่วง 3 ปี

---