ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด (10.53%) ที่ 86.68 อยู่ในกรอบ"ทรงตัว" (Neutral) ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนสถาบันต่างประเทศปรับตัวลดลงมากที่สุด (70.00%) อยู่ที่ 10.00 จนแตะระดับ"ซบเซาอย่างมาก" (Extreme Bearish)
สำหรับปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ เศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีน
สำหรับหมวดอุตสาหกรรมที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ธนาคาร (BANK) หมวดอุตสาหกรรมที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ พลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) ส่วนปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ เศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีน
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาปัจจัยหนุนอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย พบว่านโยบายภาครัฐ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ตามลำดับ ด้านปัจจัยฉุดอื่นๆ ที่มีส่งผลในเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็นการไหลเข้า-ออกของเงินทุน สถานการณ์การเมือง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น