วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลกับการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เป็นเพียง flow ซื้อ-ขายตามปกติ โดยวันนี้บาท low สุดที่ระดับ 35.38/40 บาท/ดอลลาร์ และ high สุดที่ระดับ 35.48/50 บาท/ ดอลลาร์ แต่คืนนี้คงต้องรอฟังแนวโน้มเศรษฐกิจและสภาพคล่องของสหรัฐฯ จากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ว่าทิศทาง จะออกมาอย่างไร
"วันนี้บาทแกว่งแคบๆ ไม่ได้มีปัจจัยอะไรนอกจาก flow ปกติ คงต้องรอฟังถ้อยแถลงของนางเบรนนาร์ด จนท.เฟดคืนนี้ ก่อนว่าจะมี comment อะไรออกมา แต่แนวโน้มมองแล้วบาทยังมีโอกาสแข็งค่าได้" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่า โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 35.35-35.45 บาท/ ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.50/53 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.67/70 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0954/0956 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0983/0989 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,395.75 เพิ่มขึ้น 16.22 จุด (+1.18%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 62,112 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 833.67 ลบ.(SET+MAI)
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับสุลต่านอาเหม็ด บิน สุลาเยม ประธานกรรมการ
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้เห็นชอบให้มีการ
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าปีนี้ต่างชาติจะเข้ามา
- นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้น
- นายหลู จีเหว่ย รมว.คลังจีน เปิดเผยว่า กลไกตลาดและการสนับสนุนจากรัฐบาล อาจช่วยให้จีนสามารถจัดการหนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารจีน (CBRC) เปิดเผยว่า ภาคธนาคารของจีนมีสัดส่วนหนี้เสียเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ ระดับ 1.67% ในปี 2558 คิดเป็นมูลค่า 1.27 ล้านล้านหยวน (1.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีสัดส่วนหนี้ เสีย 1.64%
- รมว.คลังจีน เปิดเผยว่า จีนเสร็จสิ้นการวางแผนปฏิรูปภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว และจะยื่นต่อสภานิติบัญญัติแห่ง
- ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) เปิดเผยในรายงานตลาดเงินประจำไตรมาสว่า การใช้นโยบาย
ดอกเบี้ยติดลบอาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ และอาจส่งผลกระทบตามมา รายงานยังระบุว่านอกเหนือจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในช่วง
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแล้ว ตลาดยังวิตกว่าธนาคารกลางของหลายประเทศอาจไม่สามารถหานโยบายดีๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทั้งยัง
ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าบุคคลทั่วไปและภาคสถาบันจะมีการตอบรับอย่างไร หากมีการปรับดอกเบี้ยลดลงอีก