(เพิ่มเติม) ธปท.เผยเศรษฐกิจไทย ก.พ.ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่งออกพลิกเป็นบวก-นำเข้ายังหด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 31, 2016 16:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.59 ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง และการใช้จ่ายภาครัฐยังคงขยายตัวดี แม้รายจ่ายลงทุนแผ่วลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่ายสูง

ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนในภาพรวมทรงตัว โดยการใช้จ่ายเพื่อสินค้าคงทนกลับมาอยู่ในระดับต่ำหลังหมดช่วงเร่งซื้อก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์ แต่การจับจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการอื่นยังขยายตัวได้สอดคล้องกับรายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่เติบโตบ้าง ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าที่หักหมวดทองค่าหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าหลักทั้งจีนและอาเซียนที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ประกอบกับราคาสินค้าส่งออกยังหดตัวตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้การผลิตและการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบจากผลของราคาน้ำมัน แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตยาสูบ สำหรับอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมลดลงบ้าง แต่แรงงานสามารถย้ายไปท่างานในภาคบริการที่ขยายตัวดีในเดือนนี้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากจากการส่งออกทองคำที่มีมูลค่าสูง ขณะที่มูลค่าการนำเข้ายังคงหดตัว

นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท. กล่าวว่า ในเดือน ก.พ.59 ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวสูงและมีสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยจ่านวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 16.0% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง และนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ มีทิศทางฟื้นตัวชัดเจนขึ้น

ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐยังคงมีบทบาทในการสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการและการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ท่าได้ดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางแผ่วลงบ้างหลังการเร่งเบิกจ่ายในช่วงก่อนหน้า แต่การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นตามการน่าส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และรายได้ภาษีที่ขยายตัวตามการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต

ด้านเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนมีทิศทางทรงตัวจากเดือนก่อนหลังผลบวกของปัจจัยชั่วคราวหมดลง โดยยังมีแรงส่งจากการใช้จ่ายในหมวดบริการและหมวดสินค้าไม่คงทน ตามรายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวบ้าง อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนหดตัวหลังหมดช่วงเร่งซื้อก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคยังถูกฉุดรั้งจากรายได้เกษตรที่หดตัวเพราะผลของภัยแล้งและราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สถาบันการเงินยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกหนี้รายย่อย

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 6.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรก นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.57 โดยเป็นผลจากการส่งออกทองคำในภาวะที่ราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจูงใจให้คนไทยที่เคยเก็บออมในรูปทองคำขายออกมาเพื่อท่าก่าไร แต่หากไม่นับรวมทองคำ มูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัว 4.0% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญชะลอตัว ความสามารถในการแข่งขันของไทยยังเป็นข้อจำกัดในบางกลุ่มสินค้า และราคาสินค้าส่งออกหลายชนิดยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

นอกจากนี้ ยังมีผลของปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ การปิดซ่อมโรงกลั่น ทำให้การส่งออกสินค้าหมวดปิโตรเลียมต่ำเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าบางชนิดขยายตัวได้ อาทิ น้ำตาลขยายตัวสูงตามการคาดการณ์ของตลาดว่าอุปทานน้ำตาลโลกจะลดลงจากปัญหาภัยแล้ง และอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวเพื่อเตรียมจำหน่ายในงานนิทรรศการสินค้าที่ฮ่องกง

ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัว 16.3% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยหดตัวในทุกหมวดสินค้า ทั้งนี้ การน่าเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางหดตัวสูงสอดคล้องกับภาวะการส่งออกที่ยังไม่ดี และราคาน้ำมันดิบและโลหะในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ส่วนการนำเข้าสินค้าทุนยังคงหดตัวตามภาวะการลงทุนภาคเอกชนที่ค่อนข้างซบเซา โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่เฉลี่ยอยู่ที่ 64.7% สะท้อนว่าธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนเพื่อขยายก่าลังการผลิต ยกเว้นธุรกิจสื่อสารเพื่อรองรับระบบ 4G และธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งนี้ การระดมทุนโดยรวมของภาคธุรกิจชะลอลงจากเดือนก่อนทั้งสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจและการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้

การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่แล้วแต่โดยรวมยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะอุปสงค์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การผลิตสินค้าบางชนิดเพิ่มขึ้นจาก ปัจจัยพิเศษ อาทิ ยางพาราแปรรูปที่เร่งตัวก่อนมติความร่วมมือไตรภาคียางพาราระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในการควบคุมอุปทานยางในตลาดโลกจะมีผลในเดือนมีนาคม และสับปะรดกระป๋องที่มีปริมาณวัตถุดิบเพิ่มขึ้น

เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ -0.5% จากราคาในหมวดพลังงานที่ยังอยู่ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้นบ้างแม้แรงกดดันจากด้านอุปสงค์ยังมีน้อย ทั้งนี้เพราะการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตยาสูบที่เริ่มมีผลในช่วงต้นเดือน ก.พ. สำหรับอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามการจ้างงานที่ลดลงในภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แรงงานจำนวนหนึ่งสามารถย้ายไปทำงานในภาคก่อสร้างและภาคบริการที่ขยายตัวดี ผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรจึงมีไม่มาก

ด้านต่างประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงที่ 7.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เพราะทองคำประกอบกับรายได้จากการท่องเที่ยวที่ดี ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้ายังอยู่ในระดับต่ำ สำหรับดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทย และการให้สินเชื่อทางการค้าของผู้ส่งออกไทยเป็นสำคัญ

นางรุ่ง กล่าวว่า ในเดือนก.พ.59 ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์นั้นมาจากการเกินดุลการค้าถึง 6 พันล้านดอลลาร์และอีกส่วนเป็นรายรับจากการท่องเที่ยว 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ก.พ.59 นี้ ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี

ส่วนค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของหลายประเทศหลักๆ ด้วยการปรับลดดอกเบี้ย จึงส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการส่งออกทองคำที่สูงมากเช่นกันในเดือน ก.พ. แต่อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของเงินบาทก็ยังมีความสอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ