รมว.คมนาคม เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามยุทธศาตร์ด้านขนส่ง 8 ปี(58-65)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 1, 2016 12:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ระยะ 8 ปี (58-65) ประกอบด้วย 5 แผนงาน ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟระหว่างเมือง การพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล การเพิ่มขีดความสามารถทางหลวงเพื่อเชื่อมโยงฐานการผลิตที่สำคัญของประเทศ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางน้ำ และการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งทางอากาศ โดยมีแนวทางในการดำเนินงานทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว

สำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ปัจจุบันโครงข่ายทางรถไฟมีระยะทางรวม 4,043 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บริการ 47 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นทางรถไฟทางเดี่ยว ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะผลักดันรถไฟทางคู่ เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบโลจิสติกส์ของประเทศ และส่งเสริม ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ โดยมีแผนพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทาง 905 กิโลเมตร ประกอบด้วย เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย, ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น, ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, ลพบุรี-ปากน้ำโพ และ มาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระนครปฐม – หัวหิน

นอกจากนี้จะพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร โดยจะออกแบบเป็นรถไฟทางคู่ ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) และจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในระยะต่อไป เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน

โครงการความร่วมมือก่อสร้างทางรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-แหลมฉบัง และเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพื่อพัฒนาเส้นทางรถไฟสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ การท่องเที่ยว และการพัฒนาพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ตลอดจนให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนโครงสร้างพื้นฐานทางถนน กระทรวงคมนาคมมีถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ระยะทาง 66,871 กิโลเมตร กรมทางหลวงชนบท ระยะทาง 49,080 กิโลเมตร การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ระยะทาง 207.9 กิโลเมตร

กระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในเส้นทางสำคัญ ประกอบด้วย บางปะอิน-นครราชสีมา, พัทยา-มาบตาพุด และบางใหญ่-กาญจนบุรี เพื่อพัฒนาโครงข่ายทางหลวงมาตรฐานสูงรองรับการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เป็นทางแนวใหม่ตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษขนาด 4-6 ช่องจราจร การปรับปรุงถนนเชื่อมโยงแหล่งเกษตรและแหล่งท่องเที่ยวให้ครอบคลุม เข้าถึงทุกพื้นที่ การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางถนน เช่น จุดพักรถบรรทุก สถานีขนส่งสินค้า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายระหว่างการขนส่งทางรางกับทางถนน เพื่อให้เกิดระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ

ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ มีแผนพัฒนาการขนส่งทางลำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก ให้สามารถใช้ประโยชน์ในการเดินเรือได้ทั้งปี ดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือสาธารณะในแม่น้ำลำคลองให้มีความสะดวก ปลอดภัยได้มาตรฐาน เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางที่ประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อมต่อการเดินทางกับรูปแบบการขนส่งอื่น

สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ได้เร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าทางน้ำ เช่น ท่าเรือปากบารา ท่าเรือสงขลา แห่งที่ 2 ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 การพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ระบบคมนาคมขนส่งเข้าสู่ท่าเรือ กฎระเบียบด้านศุลกากรที่เอื้อต่อการนำเข้า ส่งออก เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ดำเนินการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางมารีน่าของอาเซียน

โครงสร้างพื้นฐานทางอากาศ ประเทศไทยมีท่าอากาศยานจำนวน 38 แห่ง อยู่ในความดูแลกรมท่าอากาศยาน 28 แห่ง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) 6 แห่ง บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด 3 แห่ง และกองทัพเรือ 1 แห่ง ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี คาดว่าในปี 63 จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 108,923 คน/เที่ยวต่อวัน และปริมาณการขนส่งสินค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 396 ตันต่อวัน

ทั้งน้ กระทรวงคมนาคม ได้เร่งผลักดันการใช้ประโยชน์จากท่าอากาศยานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคน/ปี เป็น 65 ล้านคน/ปี ท่าอากาศยานดอนเมือง ให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 18 ล้านคน/ปี เป็น 30 ล้านคน/ปี ท่าอากาศยานภูเก็ต ให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 7.5 ล้านคน/ปี เป็น 12.5 ล้านคน/ปี ประสานความร่วมมือกับกองทัพเรือ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 และก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคมของอำเภอเบตง จังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคงของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

สำหรับการพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะแก้ปัญหาจราจร จากปริมาณการเดินทางของประชากรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี คาดว่าในปี 63 จะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น เป็น 23.18 ล้านคน/เที่ยวต่อวัน ทำให้ความเร็วเฉลี่ยในการเดินทางของพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 13.64 กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงดำเนินการพัฒนาโครงข่ายขนส่งมวลชนที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความทันสมัย ครอบคลุมพื้นที่บริการ และสอดคล้องกับการขยายตัวของเมือง ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

กระทรวงคมนาคมดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ระยะทาง 464 กิโลเมตร ก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง ปรับปรุงรถโดยสารประจำทางให้ประชาชนได้ใช้รถที่ได้มาตรฐาน ลดมลพิษในเขตเมือง พร้อมกับการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการระบบการให้บริการ เช่น ระบบตั๋วต่อตั๋วร่วม การให้บริการด้านทะเบียน การรับชำระภาษีของกรมการขนส่งทางบก เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ