ผลจับสลากโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ผ่าน 67 ราย รวม 281.32 MW เบื้องต้น BCP-TSE-GUNKUL-SOLAR ได้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 21, 2016 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และโฆษก กกพ. กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกประกาศผลการจับสลากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานภาคการเกษตรในวันนี้ พบว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 67 ราย กำลังการผลิตรวม 281.32 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น พื้นที่ภาคกลาง 25 ราย รวม 108.2 เมกะวัตต์ ,ภาคตะวันตก 18 ราย รวม 76 เมกะวัตต์ , ภาคตะวันออก 17 ราย รวม 70.47 เมกะวัตต์ ,ภาคเหนือ 1 ราย กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และพื้นที่การไฟฟ้านครหลวง 6 ราย รวม 21.65 เมกะวัตต์

สำหรับกำลังการผลิตที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมดในรอบนี้มีเพียง 281.2 เมกะวัตต์ จากที่จะรับซื้อทั้งหมด 300 เมกะวัตต์ ทำให้มีกำลังการผลิตคงเหลือซึ่งจะนำไปรวมกับการรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 เป็นจำนวนรวมกว่า 500 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น หน่วยงานราชการ 400 เมกะวัตต์ และส่วนที่เหลือกว่า 100 เมกะวัตต์เป็นของหน่วยงานสหกรณ์ภาคการเกษตร เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถประกาศรับซื้อไฟฟ้าระยะที่ 2 ได้ในราวปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

หลังจากนี้สำนักงาน กกพ.จะนำรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในวันนี้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กกพ.นัดพิเศษในวันที่ 25 เม.ย.เพื่อประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 เม.ย.นี้ โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนจำหน่ายภายใน 120 วัน และต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 31 ธ.ค.59 โดยมีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ในอัตราค่าไฟฟ้า FiT ที่ 5.66 บาท/หน่วย

ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับการคัดเลือกจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงบริษัทผู้สนับสนุนโครงการได้ และภายใน 3 ปีสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ของผู้สนับสนุนโครงการจะต้องไม่ต่ำกว่า 50%

อนึ่ง กกพ.ออกประกาศและหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯไม่เกิน 800 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะรับซื้อจำนวน 600 เมกะวัตต์ ซึ่งมีผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมจับสลากในวันนี้จำนวน 167 ราย กำลังการผลิตรวม 798.62 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตรทั้งหมด ขณะที่กลุ่มข้าราชการถูกตัดสิทธิในรอบนี้ เพราะขัดหลักเกณฑ์พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ทำให้การจับสลากระยะแรกจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 300 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโควตาของกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตรเท่านั้น

ส่วนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายแห่งได้ยื่นเป็นผู้สนับสนุนโครงการของกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตร ยกตัวอย่างเช่น บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ซึ่งในวันนี้สามารถจับสลากได้ 3 โครงการ รวม 12 เมกะวัตต์ ในจ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.อ่างทอง

ขณะที่ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) จับสลากได้ 2 โครงการรวม 6 เมกะวัตต์ จากที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาทั้งหมด 3 โครงการ ,บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) จับสลากได้ 3 โครงการ รวม 9 เมกะวัตต์ จากที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา 10 โครงการ รวม 50 เมกะวัตต์ ขณะที่ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) จับสลากได้ 1 โครงการ รวม 5 เมกะวัตต์ จากที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา 2 โครงการ เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ