สร.ปตท.จ่อยื่นหนังสือร้องทุกข์คดีคืนทรัพย์สินต่อนายกฯ18 พ.ค.-จัดประชุมใหญ่วิสามัญฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday May 15, 2016 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.อัปสร กฤษณะสมิต ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(สร.ปตท.) จะยื่นหนังสือร้องทุกข์เสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในวันที่ 18 พ.ค. นี้ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับปตท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของชาติ หลังจากปตท.ถูกฟ้องร้องต่อศาลปกครองฯคดีคืนทรัพย์สินไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษา ทั้งๆที่ศาลเองก็มีคำสั่งว่าปตท.ได้คืนทรัพย์สินครบถ้วนแล้วก็ตาม รวมทั้งยังได้กำหนดจัดประชุมใหญ่วิสามัญสร.ปตท.ครั้งที่ 1/2559 ตั้งแต่ 13.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องโถงด้านหน้า สำนักงานใหญ่ ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

นับตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.2550 ที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาและวินิจฉัยเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ต้องคืนให้แก่รัฐ ซึ่งฟ้องร้องโดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งต่อมาได้มีการดำเนินการจนกระทั่งได้มีการแบ่งแยกทรัพย์สินคืนกระทรวงการคลังครบถ้วน และศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2551 ว่าปตท.ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ฟ้องก็ยังคงฟ้องร้องและพยายามให้ข้อมูลสาธารณชนว่าปตท.ยังคืนทรัพย์สินไม่ครบ และฟ้องร้องต่อศาลอีกหลายครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายศาลฯได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2559

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2559 ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อกรณีดังกล่าวอีก โดยครั้งนี้มีประเด็นข้อสงสัย สหภาพแรงงานที่คัดค้านการแปรรูป แต่ถูกปิดปากด้วยหุ้นที่ให้กับฝ่ายบริหารและพนักงาน ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง เป็นการดูหมิ่นสหภาพแรงงานและพนักงานปตท.เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการให้สิทธิพนักงานในการจองซื้อหุ้นปตท.นั้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้พนักงานมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ(ESOP) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติของบริษัทชั้นนำของโลก ที่ดำเนินการเป็นไปด้วยความสุจริตตามหลักธรรมาภิบาล

อีกทั้งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2559 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มีหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เห็นฟ้องกับผลการตรวจสอบของสตง.ที่ให้ไว้ก่อนมีคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2551 ว่าปตท.แบ่งแยกทรัพย์สินไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และมติคณะรัฐมนตรี ทั้งๆที่วันที่ 20 ก.พ.2552 สตง.ได้มีหนังสือแจ้งต่อปตท.และเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองว่าปตท.แบ่งแยกทรัพย์สินไม่ครบ แต่ให้ถือคำวินิจฉัยของศาลเป็นที่ยุติ

การดำเนินการครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในการทำงานของปตท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐ กรณีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดว่ายังไม่ครบถ้วน ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการเจริญก้าวหน้าของปตท. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจสมบัติของชาติ อีกทั้งเป็นการบั่นทอนกำลังใจของพนักงานปตท.

ทั้งนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจปตท.เห็นว่าคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2551 หนังสือของสตง.ถึงศาลปกครองเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2552 และหนังสือจากศาลปกครองถึงสตง.เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2552 ซึ่งแจ้งไปยังสตง.ว่าผู้ถูกฟ้องดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว , มติคณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการแบ่งแยกทรัพย์สินเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2553 รวมถึงล่าสุด คำสั่งศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2559 ที่ยังมีคำสั่งไม่รับฟ้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2558 ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลฯเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2551 นั้นล้วนเป็นข้อมูลที่ควรสร้างความมั่นใจว่าปตท.ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว และควรยุติการฟ้องร้องต่อศาลว่าปตท.คืนทรัพย์สินไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาที่มีอย่างยาวนานเกือบทศวรรษได้แล้ว

“แต่ด้วยยังมีการเสนอให้มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองอีก โดยครั้งนี้ผู้เสนอได้นำเรียนให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลฯด้วย ดังนั้น สร.ปตท.จึงตัดสินใจนำเรื่องร้องทุกข์เสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับปตท.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของชาติที่จำเป็นต้องได้รับความเชื่อมั่นใจจากนักลงทุนเพื่อความมั่นคงขององค์กร ที่มีผลต่อความมั่นคงด้านพลังงาน ทางสหภาพแรงงานฯของยืนยันว่าการดำเนินการแปรรูปปตท.เป็นเป็นบริษัท (มหาชน) นั้น สหภาพแรงงานฯและพนักงานได้ส่วนร่วมในการแปรรูปปตท.อย่างจริงจัง โดยปตท.ยังคงสถานการณ์เป็นรัฐวิสาหกิจและปัจจุบันยังคงปฏิบัติภารกิจเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ได้เช่นเดียวกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ