ไทยเตรียมร่วมประชุมรมต.การค้าเอเปค หนุนสมาชิกเปิดเสรีการค้า-ลงทุนภายในปี 63

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 16, 2016 12:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เตรียมจะเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.59 ณ เมืองอาเรกีปา สาธารณรัฐเปรู โดยหัวข้อหลักของปีนี้ คือ "การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและการพัฒนามนุษย์" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และการดำเนินงานเพื่อมุ่งไปสู่การเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีของเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific: FTAAP) หรือที่เรียกว่า "เอฟแทป" ซึ่งจะให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

นอกจากนี้ เปรู ในฐานะประเทศเจ้าภาพยังได้ชูเรื่องการพัฒนา SMEs ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าโลก ทั้งด้านการใช้ประโยชน์จาก E-Commerce ซึ่งสอดรับกับนโยบายของไทยที่ให้ความสำคัญกับบทบาทของ SMEs ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ในการประชุมครั้งนี้ นายวินิจฉัย จะได้แสดงจุดยืนของไทยในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้ WTO และจะผลักดันให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการเปิดเสรีการค้าการลงทุนภายในปี 2563 ตามเป้าหมายโบกอร์ และให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน อาทิ ด้านพิธีการศุลกากร โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งขอให้ประเทศพัฒนาแล้วในเอเปคให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่ประเทศกำลังพัฒนา

นายวินิจฉัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระหว่างการประชุมฯ จะได้พบปะหารือสองฝ่ายกับประเทศต่างๆ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเปรู เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือ และขยายการค้าระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมเชิญชวนนักธุรกิจต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล

ทั้งนี้ เอเปคเป็นกรอบความร่วมมือของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นกลุ่มคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2558 การค้าของไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปคมีมูลค่า 289,860.64 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 69.5% ของการค้ารวมของไทย เป็นการส่งออก 146,206.41 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 68.2 และการนำเข้า 143,654.23 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 70.9% สำหรับในไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าระหว่างไทยกับเอเปคมีมูลค่า 69,356 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 70% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย โดยเป็นการส่งออก 36,032 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 33,324 ล้านเหรียญสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ