(เพิ่มเติม) ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.ที่ 71.6 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 7, 2016 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.59 อยู่ที่ 71.6 ลดลงจาก 72.6 ในเดือน พ.ค.59 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 60.6 ลดลงจาก 61.1 ในเดือน พ.ค.59

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 66.5 ลดลงจาก 67.7 ในเดือน พ.ค.59 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.6 ลดลงจาก 89.0 ในเดือน พ.ค.59

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับการทำประชามติว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปหรือไม่ (Brexit) ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน และกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย, การส่งออกในเดือน พ.ค.59 ลดลง 4.4% ซึ่งขยายตัวติดลบต่อเนื่องสองเดือน

ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 59 อยู่ที่ระดับ 3.1% และปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 60 ลงมาอยู่ที่ 3.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.3%, ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าสูง

ด้านปัจจัยบวก มาจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คลี่คลายลง, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง, กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%, ความคาดหวังของประชาชนว่ารัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายและการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น และเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ระบุว่า การบริโภคของภาคเอกชนยังฟื้นตัวขึ้นไม่มากนักในช่วงนี้ เนื่องจากประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี มองว่าการฟื้นตัวของการบริโภคน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ถ้าสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกคลี่คลายลง และประสิทธิภาพการใช้จ่ายและการลงทุนนของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

สัญญาณที่เห็นชัดสุดว่าเป็นบวกต่อระบบเศรษฐกิจไทยคือ ผู้บริโภคมองว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อในต่างจังหวัดดีขึ้น ประกอบกับมีข้อมูลที่เกษตรกรเริ่มรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือน เม.ย.ทั้งราคายางพารา, ข้าว, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้งเริ่มคลี่คลายตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค. ทำให้ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรเริ่มขยายตัวเป็นบวก

แต่ขณะเดียวกันปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลมากในช่วงนี้ คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจากกรณีที่ประเทศอังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit)

“นี่คือปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นตัวเดียวในดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเป็นบวก คือ คนรับรู้ว่าเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นขึ้น และกำลังซื้อ ยอดขายเริ่มกลับมาเป็นบวก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ Brexit ซึ่งคนมีความกังวลสูง คนไม่มั่นใจว่า Brexit จะมีผลกระทบต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทยหรือไม่"นายธนวรรธน์ กล่าว

อย่างไรก็ดี Brexit อาจเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นในระยะสั้นต่อเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเป็นขาลง เพราะอาจเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น จึงต้องรอดูข้อมูลเดือนหน้าประกอบด้วย

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้กังวลมากกว่า คือ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 55 เดือน ประกอบกับ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ระบุว่าอัตราการว่างงานล่าสุดของไทยอยู่ที่ 1.2% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี จากในช่วงปี 54-58 อัตราการว่างงานของไทยอยู่ในระดับไม่เกิน 1% เท่านั้น

“อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือนมี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. และจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มจาก 3.5 แสนคน มาเป็น 4.5 แสนคน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ว่างงานจะเป็นบัณฑิตจบใหม่ เป็นภาวะที่ประเทศไทยมีการจ้างงานใหม่เข้ามาน้อย นี่คือสิ่งที่เราห่วงมากกว่า เพราะ Brexit เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นในอนาคต แต่ตัวเลขการจ้างงานเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอ่อนๆ นั้น การจ้างงานจะต้องวิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัวไปพร้อมกัน คือควรจะเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์ตอนนี้แม้เศรษฐกิจจะฟึ้น แต่การจ้างงานยังไม่ค่อยดี ซึ่งทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยแม้จะฟื้นตัว แต่ยังมีความเปราะบาง"นายธนวรรธน์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ