ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทปิด 35.14/18 แกว่งแคบ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.10-35.25 จับตาผลประชุม BoE

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 13, 2016 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.14/18 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เช้าเปิดตลาดที่ระดับ 35.18/20 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทค่อนข้างจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบมาก เพราะระหว่างวันไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่า เงิน แต่คงต้องรอดูคืนนี้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) รวมทั้งติดตามวันพรุ่ง นี้ที่จะมีการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)

"วันนี้บาทค่อนข้างนิ่งมาก ไม่มีปัจจัยอะไรเลย คงต้องรอดูเฟดคืนนี้จะมีรายงาน Beige Book ออกมา และพรุ่งนี้ที่จะมี การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.10-35.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.27/70 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1073 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1041/1082 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,477.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด (+0.18%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 76,144 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,587.01 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) และดัชนีสะท้อนมุมมองคาดการณ์ใน 3 เดือน
ข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ยังคงปรับตัวลดลงติดต่อกันตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา โดยในเดือน มิ.ย.59 ปรับตัว
ลงมาอยู่ที่ระดับ 42.5 และ 43.3 ตามลำดับ สะท้อนความความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อภาวะการครองชีพทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดย
เฉพาะประเด็นด้านสถานการณ์ราคาสินค้า และค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมไปถึงภาระหนี้สิน ซึ่งมุมมองของครัวเรือนที่เต็มไปด้วยความกังวล
นี้จะเป็นปัจจัยกดดันต่อภาพการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีหลัง
  • มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.8% ในปี 2559 และ 3.0% ในปี 2560 ซึ่ง
เติบโตต่ำกว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการ
ขยายตัวของ GDP ในระยะยาว และยังส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ตัวชี้วัดทางการคลังของไทยหลายตัวยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใน ระดับเดียวกัน แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ และกรอบเวลาในการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ถือเป็น ปัจจัยถ่วงการขยายตัวได้ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภค

  • สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มการคาดการณ์ระดับราคาสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส
(WTI) สำหรับปี 2559 เป็น 43.57 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 42.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการคาดการณ์เมื่อเดือนมิ.ย.ที่
ผ่านมา และปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับปี 2559 เป็น 43.73 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 43.03 ดอลลาร์/
บาร์เรล

ส่วนสำหรับปี 2560 นั้น EIA คาดว่าระดับราคาของทั้งสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ เฉลี่ย 52.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ในส่วนของผลผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ EIA ยังคงตัวเลขคาดการณ์เอาไว้ที่ 8.6 ล้านบาร์เรล/วัน และ 8.19 ล้านบาร์เรล/วัน สำหรับปี 2559 และ 2560 ตามลำดับ

  • กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.
ปรับตัวลง 2.6% จากเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากที่หดตัว 2.3% ในรายงานเบื้องต้น โดยดัชนีผลผลิตในโรงงานและ
เหมืองแร่ อยู่ที่ระดับ 94.7 จากฐาน 100 ในปี 2553 เทียบกับรายงานเบื้องต้นที่ 95.0 โดยการปรับทบทวนตัวเลขเดือนพ.ค.ลง
นั้น เป็นเพราะผลผลิตเบียร์และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย.

ขณะที่ดัชนีการขนส่งในภาคอุตสาหกรรมลดลง 2.6% จาก 2.3% ในรายงานเบื้องต้น ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 0.3%

  • นายกรัฐมนตรีจีน ส่งสัญญาณในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์นอกรอบของการประชุมสุดยอด European Union-
China ว่า เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวในระดับเดียวกับไตรมาสแรกที่ 6.7% พร้อมกับเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจจีนยัง
คงมีเสถียรภาพ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ