นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมหารือยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 กับบทบาทของที่ประชุมอธิการดี (ทปอ.) ว่า วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 โดยให้มหาลัยวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการวิจัยพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และด้านนวัตกรรม ซึ่ง ทปอ.ทั้ง 27 แห่งได้มีการหารือร่วมกันมา 4-5 ที่ผ่านมาและได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีใน 3 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 การที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนบทบาทของมหาวิทยาลัยในด้านการวิจัยและและการสร้างคน
ประเด็นที่ 2 มหาลัยวิทยาลัยจะมีการปรับเปลี่ยนรากแขนงซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีรากแก้ว โดยเฉพาะองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยีที่สำคัญใน 5 ด้าน คือ ไบโอเทค ไบโอเมท แมคคาทรอนิกส์ โรบอทติก ดิจิตอล ซึ่งมหาลัยจะเป็นตัวหลักในการสร้างรากแก้วเทคโนโลยีให้กับประเทศในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ไป โดยในวันนี้มหาวิทยาลัยได้มีการนำเสนอโรดแมปในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีที่สำคัญใน 5 ด้านในกรอบ 1 ปี 5 ปีและอีก 20 ปีข้างหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และต้องตอบโจทย์สังคม ที่เป็นประเด็นท้าทายของประเทศทั้งเรื่องสังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ (climate change) และด้านพลังงาน
ประเด็นที่ 3 ทปอ.ได้นำเสนอให้รัฐบาลช่วยจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยใน 3 กลุ่มใหญ่ คือ มหาวิทยาลัยที่เน้นเรื่องการวิจัยต่อยอดเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก มหาวิทยาลัยเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่นด้านเกษตร ด้านเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัยชุมชมที่ตอบโจทย์ในพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดระเบียบให้มีการแบ่งงานกันทำ เพื่อตอบโจทย์Thailand 4.0 ในอนาคต
นอกจากนี้ ทปอ.ได้นำเสนอให้มีการปฏิรูประบบการวิจัยให้เกิดความชัดเจน เพื่อเชื่อมต่อกับภาคเอกชนให้มากขึ้น และได้มีการหารือเรื่องการแก้ไขกฏหมาย กฏระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและการจัดสรรงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมที่จะจัดตั้งกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนไอโอเทคโนโลยี กองทุนโรบอทติก
"นายกรัฐมนตรีมองว่ามหาวิทยาลัยคือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ไปสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างแท้จริง" นายสุวิทย์ กล่าว
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานโดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง, รมว.ศึกษาธิการ, รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และตนเอง เพื่อขับเคลื่อนงานให้เป็นรูปธรรมในอีก 1 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้หาแนวทางให้งานวิจัยต้องสามารถตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคและชุมชมได้อย่างไร และต่อยอดให้ผลของงานวิจัยออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับประชาชนด้วย