พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ใช้วิธีการทำงานแบบทหารที่ไม่ต้องแจ้งล่วงหน้ามากนัก ทุกกระทรวงจะได้ไม่ต้องกังวลในการเตรียมการต้อนรับ ซึ่งวันนี้มาติดตามการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ทั้งการเกษตรครบวงจร การเกษตรแนวใหม่ นำประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยส่วนตัวมีความพึงพอใจในการทำแผนงานของกระทรวงเกษตรฯ ที่เดินหน้าตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะต้องจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 7 ยุทธศาสตร์ ทั้งความมั่นคงด้านอาหาร ,เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน, ลดความเหลือมล้ำ,ความสมดุลทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, การปฎิรูปการบริหารราชการ ,การนำพาเกษตรไปสู่เกษตร4.0 และนำระบบดิจิตอลมาสนับสนุนให้เกษตรกรมีความรู้แบบสมาร์ทฟาร์มเมอร์
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะต้องมีการกำหนดเป้าหมายทุกๆ 5 ปีว่ามีความก้าวหน้าอย่างไรบ้าง และทั้งหมดต้องสอดคล้องกับงบประมาณ และเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ ซึ่งทั้งภาครัฐและประชาชนต้องร่วมมือกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ มีขีดความสามารถ และมีข้าราชการที่เข้มแข็ง มีความรู้ความสามารถ และตนเองเชื่อมั่นในตัวรัฐมนตรีว่าการฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคน ที่ทำงานอย่างเต็มที่ และทุกคนมีความพึงพอใจที่เห็นแนวทางการทำงานของรัฐบาลว่าจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนและเกษตรกร แต่อาจจะไม่แก้ไขได้รวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา ที่เป็นการแก้ไขปัญหาเร็วแต่เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้ให้นโยบายเกี่ยวกับผลิตผลทางการเกษตรว่าเกษตรกรจะต้องเก็บผลผลิตไว้ทำพันธุ์ แบ่งไว้บริโภค และนำไปจำหน่าย ซึ่งรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเปิดตลาดให้ไว้ทำการจำหน่าย เพื่อเป็นรายได้ให้กับเกษตรกรเลี้ยงตัวเอง ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ขอเพียงแรงใจ เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดความขัดแย้ง หรืออยากให้เกษตรกรมีรายได้น้อยลง แต่จะทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ และการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯนั้นเดินมาถูกทางแล้ว และรู้สึกพอใจและมีความสุขกับการทำงานของทุกกระทรวง เพราะจะดีหรือไม่ดีตนเองเป็นคนรับผิดชอบ หากจะไม่ดี อย่าไปต่อว่ารัฐมนตรี ให้มาต่อว่าตนเอง
ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจข้าราชการกระทรวงฯ โดยขอให้ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นต่อไป มีเป้าหมายให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 5 ปี ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะต้องบูรณาการกับทุกหน่วยงาน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีแผนงานระยะ 5 ปี ที่จะทำให้เป็นสมาร์ทฟามเมอร์ ทำเกษตรแปลงใหญ่ พัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมาตรฐานและปลอดภัย ทั้งนี้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน เกษตรจะต้องร่วมมือกับรัฐบาล แต่ยืนยันว่า มีการวางแผนยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรใน 20 ปีข้างหน้า ให้มีรายได้เฉลี่ย 3.9 แสนบาทต่อครัวเรือนต่อปี ตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยอมรับว่า ในปีแรกการทำเกษตรแปลงใหญ่ไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 5 แสนกว่าไร่ ซึ่งขณะนี้ปรับเปลี่ยนได้เพียงกว่า 3 แสนไร่ แต่ยังคงเดินหน้าปรับเปลี่ยนต่อไป พร้อมกันนายกรัฐมนตรียังขอให้กระทรวงเกษตรฯ สนองงานพระบรมวงศาสนุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงห่วงใยเกษตรกร
รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยังได้ชี้แจงกรณีโครงการชะลอการขายข้าวเปลือกที่ยังมีความคลาดเคลื่อนว่า หากชาวนาเข้าร่วมโครงการแล้วไม่มาไถ่ถอนก็สามารถทำได้ เนื่องจาก ธ.ก.ส.จะนำข้าวไปขายต่อไป แต่หากชาวนาจะมาไถ่ถอนเพื่อไปขายให้กับที่อื่นที่ได้ราคาดีกว่าก็ทำได้ โดยชาวนาไม่ต้องเสียดอกเบี้ยใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งโครงการนี้ขยายเวลาจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน