ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทปิด 35.67 แข็งค่าจากเช้า มองกรอบพรุ่งนี้ 35.60-35.75

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 24, 2016 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.67 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า ขึ้นจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.73 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเช้า แต่ในภาพรวมตลอดทั้งวันยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่อ งจากไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินในวันนี้เท่าใดนัก ปัจจัยที่น่าสนใจคือสัปดาห์หน้า คือการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/59 ของสหรัฐฯ

"วันนี้บาทนิ่งๆ วิ่งในกรอบแคบๆ ไม่ค่อยมีปัจจัยอะไรเป็นพิเศษนักในวันนี้ เพราะทางสหรัฐก็หยุดทำการเนื่องในเทศกาล ขอบคุณพระเจ้า"นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60-35.75 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.90 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.58 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0560 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0503 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,490.11 จุด ลดลง 6.25 จุด (-0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 33,752 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,264.57 ลบ.(SET+MAI)
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า การลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาส 3/59 ขยาย
ตัว 10.5% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ 8.2% ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วง
ที่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจตั้งแต่เดือน ต.ค.58-ก.ย.59 อยู่ที่
178,390 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.9% ของแผนงบลงทุนสะสม
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 60 จะดีขึ้นจาก
ปีนี้ โดยมีความเป็นไปได้มากที่จะกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำ
สุด, การส่งออกไปตลาดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV และกลุ่ม New Frontiers ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ประกอบกับฐานการส่งออก
ในปี 59 อยู่ในระดับต่ำ เหล่านี้จึงเป็นปัจจัยหนุนให้การส่งออกในปีหน้าพลิกกลับมาเป็นบวกได้
  • รมว.คลังอังกฤษ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2560 เหลือโต 1.4% และในปี 2561 เหลือโต
1.7% โดยคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบจากการที่อังกฤษลงมติถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
(Brexit) ขณะเดียวกันยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของประเทศ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 90.2% ในปี 2560-
2561 อย่างไรก็ดี รมว.คลัง ให้คำมั่นว่ากระทรวงการคลังจะพยายามปรับงบประมาณการใช้จ่ายให้กลับสู่ภาวะสมดุลให้เร็วที่สุดในปี
หน้า
  • สำนักงานรับผิดชอบด้านงบประมาณของอังกฤษ (OBR) คาดการณ์ว่า การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศคิดเป็นมูลค่าถึง 5.8 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมคาดการณ์
ว่า รัฐบาลอังกฤษจะต้องกู้ยืมเงินเพิ่ม 1.22 แสนล้านปอนด์ ไปจนถึงเดือนเม.ย.64 ซึ่งสูงกว่าจำนวนเงินกู้ยืมในงบประมาณเดือน
มี.ค.

ขณะเดียวกันแนวโน้มการเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจอังกฤษ จะอ่อนแรงลงมากกว่าที่เคยคาดไว้เมื่อเดือนมี.ค. เนื่อง จากภาคธุรกิจลงทุนลดลง จนทำให้สัดส่วนของทุนต่อแรงงาน (capital deepening) ชะลอตัวลง และส่งผลให้ผลิตภาพลดลงตาม ไปด้วย

  • Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนียังคงแข็งแกร่งใน
เดือนพ.ย. โดยแตะที่ระดับ 110.4 ผลสำรวจความเชื่อมั่นล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภาคธุรกิจของเยอรมนียังคงมีมุมมองที่เป็นบวก
เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ แม้สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน
  • กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ รายงานว่า GDP ประจำไตรมาส 3/2559 หดตัวลง 2.0% ส่งผลให้

กระทรวงได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ตลอดปี 2559 โดยคาดว่า GDP ปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 1.0-1.5% ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้

ที่ 1.0-2.0% สาเหตุที่สิงคโปร์คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2559 จะชะลอตัวลงมาจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่หดตัว

ลง ประกอบกับความไม่แน่นอนในตลาดโลก หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ


แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ