พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติรับทราบสถานการณ์ท่องเที่ยวในรอบปี 2559 คาดจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 32.6 ล้านคน สร้างรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากสุด 3 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย และเกาหลี ตามลำดับ
สำหรับการขับเคลื่อนงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญในวันนี้ ได้มีการทบทวนคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติจาก 19 คณะ เหลือ 11 คณะ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และได้เห็นชอบประกาศหมู่เกาะทะเลใต้เป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดยมีพื้นที่ครอบคลุม เกาะสมุย เหาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง และให้ความเห็นชอบการใช้เกณฑ์การพัฒนาท่องเที่ยวชุมชน เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั่วประเทศ
ที่ประชุมฯ รับทราบการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวที่เข้าชมพระบรมมหาราชวัง เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วม โดยช่วงวันที่ 1-27 พ.ย.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้าชมพระบรมมหาราชวังรวมทั้งสิ้น 274,033 คน พร้อมทั้งรับทราบแผนการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว 3 กลุ่ม ได้แก่ มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคประชาชน มีเป้าหมายจำนวน 107,020 คน ในระยะเวลา 4 ปี รวมถึงรับทราบความคืบหน้าเรื่องการจัดมาตรฐานการท่องเที่ยว โดยจะสร้างแรงจูงใจในการขอรับรองคุณภาพและมีเป้าหมายภายใน 3 เดือนจะมีการรับรองคุณภาพให้แก่ผู้ประกอบการ 10,000 ราย
ส่วนการกำกับ ตรวจสอบ และส่งเสริมธุรกิจนำเที่ยว ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้มีการจัดระบบด้านการท่องเที่ยวใหม่บนพื้นฐานความเท่าเทียมกัน มีการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความเสมอภาคในการเสียภาษี สร้างมาตรฐานและจรรยาบรรณ ด้านการท่องเที่ยวและสร้างมาตรฐานด้านการเงิน
สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญนั้นได้ดำเนินการแก้ไขได้ดีตามขั้นตอน ซึ่งรัฐบาลได้ให้ผู้ประกอบการคิดวิธีในการดำเนินการต่างๆ อาทิ การทำโรดโชว์ การทำมาตรฐาน เป็นต้น โดยทางภาครัฐจะพิจารณาอีกครั้งว่าเป็นวิธีที่ดีและถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทุกคนยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ แต่ขอให้ทำตามกติกา เสียภาษีอย่างถูกต้องอย่าเอารัดเอาเปรียบหรือโกง
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบแนวทางการจัดกิจกรรม "แสงเทียนแห่งสยาม" ณ สะพานภูมิพล ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธ.ค.59 เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และตรงกับวันดินโลก ที่พระองค์ท่านได้รับถวายรางวัลเป็นนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับดิน
ส่วนกิจกรรมสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่าและสวดมนต์รับปีใหม่ทั่วประเทศในวันที่ 31 ธ.ค.59 ที่ประชุมฯ มติอนุญาตให้จัดกิจกรรมปีใหม่ได้ โดยเป็นการจัดสวดมนต์ข้ามปีในเวลา 21.00 น. เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นเวลา 89 วินาที และเวลา 23.45 น.จะเป็นการสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่และสวดมนต์ให้ประเทศชาติ พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงค์ ประชาชน และผู้ร่วมงานเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเวลา 24.00 น.จะเข้าสู่กิจกรรมแสงเทียนแห่งธรรม ซึ่งขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมดแล้ว โดยจะจัดพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงยังมีการจัดสวดมนต์ในต่างประเทศอีกด้วย ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครจัดที่ท้องสนามหลวง