(เพิ่มเติม) "กอบศักดิ์"คาด GDP ปีหน้าโต 3.5-4% ส่งออกโต 2-3% เหตุราคาน้ำมัน-ศก.โลกฟื้น,บาทอ่อน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 26, 2016 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวได้ 3.5 - 4% ซึ่งเป็นการเติบโตดีกว่าในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3 - 3.5% ขณะที่การส่งออกในปีหน้า คาดการณ์ว่าจะสามารถกลับมาเป็นบวกได้ที่ 2-3% โดยได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว เศรษฐกิจของประเทศหลักหลายประเทศปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งภาวะเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า

นายกอบศักดิ์ ระบุว่า วันนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้มาชี้แจงเป็นกรณีพิเศษ ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้แถลงตัวเลขการส่งออกในเดือนพ.ย.59 ที่ขยายตัวสูงถึง 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรัฐบาลดีใจกับมูลค่าการส่งออกดังกล่าว และถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบ 9 เดือน แม้ว่าจะหักน้ำมันและทองคำออกไปแล้วมูลค่าการส่งออกยังขยายตัวเป็นบวกถึง 9.3% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกส่วนใหญ่มาจากสินค้าเกษตรที่ขยายตัวดี เช่น สินค้าข้าว ขยายตัวได้ 26% ยางพารา ขยายตัวได้ 16% และมันสำปะหลัง ขยายตัวได้ 18% รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวได้สูงขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในหมวดเครื่องจักร หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นนี้มีความสอดคล้องกับประเทศคู่ค้าต่างๆ เช่น ไต้หวัน, เวียดนาม, สิงค์โปร์ และอินโดนีเซีย ที่การส่งออกขยายตัวใกล้เคียงกับประเทศไทย สะท้อนว่าภาพรวมการส่งออกของโลกกำลังปรับตัวดีขึ้น

"ท่านรองนายกฯ อยากให้มาเล่าการขยายตัวของการส่งออกในเดือนพ.ย. เป็นข่าวดีที่เรารู้สึกดีใจ รู้สึกมีกำลังใจ เป็นแนวโน้มที่ดีของประเทศไทย ถ้าเป็นลักษณะนี้ปีนี้การส่งออกจะไม่ติดลบ"นายกอบศักดิ์ กล่าว

พร้อมมองว่า ภาพรวมการส่งออกในปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2 - 3% สอดคล้องกับตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คาดการณ์การส่งออกปี 2560 ไว้ที่ 2.4% และกระทรวงพาณิชย์ประเมินไว้ที่ 2.5 - 3% ซึ่งการส่งออกในเดือนพ.ย.มีแนวโน้มฟื้นตัว และเชื่อว่าจะส่งผลดีไปถึงการส่งออกในเดือนธ.ค.59 และการส่งออกในปีหน้า

"ถ้าเป็นลักษณะนี้จะถือเป็นข่าวดี ว่าแรงกระตุ้นเศรษฐกิจไทยมาจากภาคส่งออกในบางส่วน ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแรงขับเคลื่อนอีกแรงหนึ่งในช่วงต่อไป ถ้าเกิดถามผม ผมคิดว่าถ้าตัวเลขมีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวคงไม่ดีใจเท่านี้ แต่ประเทศอื่นๆในภูมิภาคก็ขยายตัวเช่นกัน สะท้อนว่าตลาดส่งออกโลกอยู่ในช่วงปรับตัวดีขึ้น ก็หวังว่าแนวโน้มเดินหน้าต่อไปในช่วงเดือนธันวาคมและส่งผลต่อเนื่องไปถึงปีหน้า"นายกอบศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2560 นายกอบศักดิ์ ประเมินว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5 - 4% เป็นผลมาจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนที่จะออกมาในปีหน้า เช่น งบประมาณ 1 แสนล้านบาท ที่ให้กลุ่มจังหวัดนำไปพัฒนา รวมถึงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะทยอยออกมา ทั้งโครงการรถไฟใต้ดิน, รถไฟทางคู่, สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ดีขึ้น รวมถึงการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นด้วย

ขณะที่ GDP ไตรมาสที่ 4/59 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3 - 3.5% มาจากนโยบายช็อปช่วยชาติที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและผลจากการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมั่นใจว่าทั้งปี 2559 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3 - 3.5% อย่างแน่นอน

นายกอบศักดิ์ กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยน่าจะขยายตัวดีต่อเนื่องไปถึงปี 2560 มาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวจากระดับ 29 ดอลลาร์/บาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52 ดอลลาร์/บาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน และมาจากเศรษฐกิจในหลายประเทศปรับตัวดีขึ้น ทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น ส่งผลดีต่อการส่งออกกับประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ ปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะส่งผลดีต่อผู้ส่งออกของไทยให้ได้รับกำไรในรูปของเงินบาทมากขึ้น และมีกำลังใจในการส่งออกมากขึ้น

และสุดท้ายปัจจัยเรื่องนโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯนั้น มองว่าจะมีผลต่อประเทศไทย 2 ส่วน ส่วนหนึ่งดีกับประเทศไทยโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเมื่อมองถึงตัวรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่มีไม่ต่ำกว่า 6-7 คนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทำให้นนโยบายที่จะออกมาเอื้อต่อภาคธุรกิจ ทั้งเรื่องการลดภาษี การปรับปรุงกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรค และนโยบายส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะทำให้สหรัฐมีเศรษฐกิจคึกคักมากขึ้น ส่งผลต่อดีการส่งออกของไทยไปสหรัฐเพิ่มมากขึ้นด้วยและน่าเป็นผลบวกต่อประเทศ ขณะที่อีกด้านเป็นข้อระวังคือ ความผันผวนในตลาดโลก ในระหว่างการทำนโยบายข้อตกลงธุรกิจการค้าที่ดีต่อสหรัฐ อาจส่งผลต่อเม็กซิโก กลุ่ม TPP และจีน เพราะทั้ง 3 กลุ่มเป็นคู่แข่งกับไทย ถ้ามีการปรับตัวประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์จากในส่วนนี้เช่นเดียวกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ