พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ
ทั้งนี้ จะมีการจัดทำคู่มือหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับรองสถานประกอบการตามมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยขั้นพื้นฐาน (ร่าง) ประกาศมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยขั้นพื้นฐาน และ (ร่าง) บันทึกข้อตกลงความระหว่างระหว่างกรมการท่องเที่ยว และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว
พร้อมทั้งเห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ จำนวน 3 คณะ เพื่อการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560-2564) ตามมติคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2559
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้รับทราบโครงการและกิจกรรมสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ได้แก่ การส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ผลักดันสินค้า Product Champion เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว การส่งเสริมการตลาดสินค้า OTOP และโครงการพัฒนาชุมชนหัตถกรรม (Craft Communities) โครงการตลาดชุมชนเพื่อธุรกิจท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ "ตลาดต้องชม" และโครงการหมู่บ้านทำมาค้าขาย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวต่อไป
สำหรับการดำเนินมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ที่ประชุมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องความปลอดภัยทางน้ำเฝ้าระวังและดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงฤดูการท่องเที่ยว และให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการออกกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุมธุรกิจรถจักรยานยนต์ให้เช่าเพื่อการท่องเที่ยว เหมือนกรณีการออกกฎกระทรวงคมนาคม เรื่อง การขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือกลเดินทะเลเฉพาะเขตที่ใช้ในกิจการพิเศษประเภทเจ็ตสกีเพื่อเช่า พ.ศ. 2559 และมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรการความปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่กงสุลต่างประเทศ
พล.อ.ธนศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศปี 59 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 32.59 ล้านคน สร้างรายได้ 1.64 ล้านล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวน 148.03 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 8.7 แสนล้านบาท ทำให้ทั้งปี 59 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 2.51 ล้านล้านบาท มีอัตราขยายตัว 10.93% เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวไทยในปี 60 จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยการขยายตัวของการท่องเที่ยวโลก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย โดยคาดว่าปีนี้จะรักษาฐานรายได้ไม่ต่ำกว่าเดิม โดยในปีนี้จะเป็นอีกปีที่เน้นเรื่องการท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง และกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่นอย่างทั่วถึง
ที่ประชุมยังรับทราบผลการสำรวจทัศนะและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ปี 59 ซึ่งโดยภาพรวมยังมีความพึงพอใจต่อการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของไทยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งในแหล่งท่องเที่ยวหลักและบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง และการดำเนินการเปลี่ยนแบบฟอร์ม ตม.6 ซึ่งจะมีการแก้ไขกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม พ.ศ. 2559
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินงานด้าน Medical and Wellness Tourism ในการดำเนินการขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย รวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตามกรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล ในกลุ่มประเทศ CLMV และประเทศจีน และการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) ตามมติคณะรัฐมนตรี คาดว่าร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาในเดือน มี.ค.60 และสามารถให้บริการได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.60 เป็นต้นไป
ส่วนการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า ครั้งที่ 2 ที่อ่าวปอ มารีน่า จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 12-18 ธ.ค.59 พบว่า มีผู้เข้าชมงานประมาณ 6,000 คน คาดว่าเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 60-100 ล้านบาท