(เพิ่มเติม) สภาผู้ส่งออกฯ คาดปี 60 ส่งออกโต 2% จากปีก่อนโต 0.45% มองผลบวกราคาน้ำมันสูงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 31, 2017 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 2560 จะเติบโตได้ประมาณ 2% จากผลของทิศทางราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 โดยยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง ประกอบด้วย 1.อัตราการเติบโตที่แท้จริงของโลกและประเทศคู่ค้าหลัก ว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ 2.สถานการณ์ความขัดแย้งและการเมืองระหว่างประเทศ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด 3.สงครามการค้าและข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าหลัก 4.ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลก และการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินของประเทศคู่แข่ง

5.สถานการณ์ราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก จะมีความยั่งยืนและได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านพลังงานของสหรัฐฯ อย่างไร 6.การลงทุนทางตรงของจีนภายนอกประเทศ จะส่งผลในทางบวกและทางลบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยอย่างไร 7.สถานการณ์การค้าชายแดนกับประเทศ CLMV ซึ่งอาจทรงตัว เพราะความล่าช้าในการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหา ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ 8.ภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น

ขณะที่ภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2559 มีมูลค่ารวม 215,326 ล้านดอลลาร์ เติบโต 0.45%

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออก มองว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 2% จากปีก่อนที่เติบโตได้ 0.45% หลังจากติดลบต่อเนื่องกันมาถึง 4 ปี โดยการส่งออกจะได้รับปัจจัยบวกจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ โดยในปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันจะขยับขึ้นอย่างช้าๆ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าค่าเงินบาททั้งปี 60 จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.50 - 37.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการส่งออกให้ปรับตัวดีขึ้น

ด้านนายรติดนัย หุ่นสวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ปีนี้ประเทศไทยจะได้รับผลบวกหลักๆ มาจากนโยบายกีดกันทางการค้าประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และมีการเพิ่มผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยส่งออกสินค้าที่เป็นสินค้าต้นน้ำและกลางน้ำที่เป็นวัตถุดิบในการผลิต จึงทำให้ประเทศไทยยังสามารถส่งสินค้าเข้าไปในสหรัฐได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกไปยังสหรัฐจะเติบโตได้ 3% และเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกหลักของประเทศไทย

ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ตัวเลขการส่งออกมีการชะลอตัวไปราว 2 ปี และปัจจุบันมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จะส่งผลให้ปีนี้สามารถขยายตัวได้ราว 3% ส่วนการส่งออกของไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้น คาดว่าจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนประเทศในสหภาพยุโรปนั้น คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก จากที่จะมีการเลือกตั้งของประเทศใหญ่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้ยังมีความกังวลว่าสหภาพยุโรปอาจจะล่มลงก็เป็นได้

โดยประเทศที่คาดว่าจะเป็นตัวกดดันตัวเลขการส่งออกไทย คือ ประเทศจีน ซึ่งคาดว่าการส่งออกจะติดลบราว 3-5% ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากนโยบายการดำเนินเศรษฐกิจที่จะเป็นผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศจีน

"โดยรวมแล้ว เรายังเชื่อว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะได้รับปัจจัยบวกหลักจากประเทศสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 3% ซึ่งในปีก่อนสหรัฐฯ เป็นประเทศหลักที่ไทยส่งออกไปเป็นสัดส่วน 11.38% ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่น และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการส่งออกไปยังประเทศจีนว่าจะติดลบมากกว่าที่คาดหรือไม่ ซึ่งอาจจะกระทบต่อตัวเลขการส่งออกรวมได้" นายรติดนัย กล่าว

พร้อมประเมินว่า การส่งออกของไทยในปี 2560 จะเติบโตได้ 1.5% ที่มูลค่า 218,500 ล้านดอลลาร์ ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทเฉลี่ย 35.25 บาท/ดอลลาร์ และราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ