นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) และโฆษกกะรทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าเทคโลโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems: ESS) ภายใต้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2559 ว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะทำงานกำกับงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานได้พิจารณาอนุมัติโครงการวิจัยทั้งสิ้น 27 โครงการ มูลค่างบประมาณรวม 201.551 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มประยุกต์ใช้ ได้แก่ ESS-ความมั่นคงและภัยพิบัติ จำนวน 4 โครงการ, ESS-อุตสาหกรรม/พื้นที่ห่างไกล 3 โครงการ, ESS-ยานยนต์ไฟฟ้า 2 โครงการ รวมมูลค่างบประมาณสำหรับกลุ่ม 1 เท่ากับ 126.091 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2 กลุ่มวิจัยพัฒนา ได้แก่ ด้านวัสดุ ระบบกักเก็บ ESS จำนวน 12 โครงการ, ระบบควบคุม/เชื่อมโยงการนำ ESS ไปใช้งาน จำนวน 4 โครงการ และการจัดทำยุทธศาสตร์ 20 ปี จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่างบประมาณกลุ่มที่ 2 เท่ากับ 75.46 ล้าน โดยหลังจากนี้จะดำเนินการประกาศชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกทางเว็บไซต์
นอกจากนี้คณะทำงานกำกับวิจัยฯ ได้อนุมัติหลักการและกรอบงบประมาณ (ที่เหลือ) สำหรับโครงการระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าแบบบูรณาการ เพื่อทำให้พลังงานทดแทนมีความเสถียร เบื้องต้นคระทำงานกำกับฯ ได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับทุนรอบที่ 2 ให้มีสัดส่วนการพัฒนาและการผลิตภายในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า 30% โดยจะประกาศรายละเอียดประมารกลางเดือนมี.ค.นี้
สำหรับเทคโนโลยีระบบกัดเก็บพลังงาน (ESS) เป็นการสนับสนุนภายใต้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 59 จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เกิดการประยุกต์ใช้งานจริงของระบบกักเก็บพลังงานในเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ การลดพีคไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม สร้างความเสถียรภาพให้กับโรงไฟ้าพลังงานทดแทนพื้นที่ห่างไกลและยานยนต์ไฟฟ้า โดยเกิดผลงานอย่างเป็นรุปธรรมในปี 60 เพื่อสร้างโอกาสด้านการตลาด กระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานของประเทศ และเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ดีกว่าและ/หรือเทียบเท่าต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนภาคการผลิตในการพัฒนาเทคโนโลยีและทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานของประเทศไทยระยะ 20 ปี