ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.04 ระหว่างวันผันผวน คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.00-35.10

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 16, 2017 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.04 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า ต่อเนื่องจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 35.06 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.98-35.11 บาท/ดอลลาร์ ผันผวนตามแรงซื้อ-ขายของผู้ส่งออกและนำเข้า

"วันนี้บาทค่อนข้างผันผวนตามแรงซื้อ-ขายของผู้นำเข้าและส่งออก ส่วนแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไรในตลาดโลกเริ่มแผ่ว ลง ปัจจัยเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยอาจมีควันหลงต่ออีก 1-2 วัน หลังจากนั้นตลาดคงมองหาปัจจัยใหม่" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.38 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.34 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0715 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0724 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,557.05 จุด เพิ่มขึ้น 16.25 จุด, +1.05% มูลค่าซื้อขาย 56,117.78 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,317.98 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ปลัดกระทรวงการคลัง เผยกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศ
ไทย แต่ในช่วงสั้นอาจมีการกระตุกในเรื่องจิตวิทยาการลงทุนบ้าง
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ FOMC มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่าเป็นได้ตามที่ตลาดคาด
การณ์ว่า ในส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น ธปท.มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากจะพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม จะต้องดูว่าผลประโยชน์ที่มีต่อเศรษฐกิจจะมากกว่าผล
กระทบด้านลบอื่นๆ หรือไม่ อาทิ ผลต่อการออมของประชาชนในภาวะดอกเบี้ยต่ำ และผลต่อเสถียรภาพการเงินของประเทศ
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า มองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดว่า เป็นไปตามคาดการณ์
เพราะเฟดส่งสัญญาณทยอยขึ้นดอกเบี้ยมาต่อเนื่อง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังฟื้น
ตัวอย่างจริงจัง และส่งผลดีต่อส่งออกของไทย และมั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีนี้ขะเป็นไปได้ตามเป้าขยายตัว 5% จากปีก่อนตามที่คาด
การณ์ไว้
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แสดงให้เห็นถึง
เศรษฐกิจของสหรัฐและโลกเริ่มฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อการค้า การส่งออกของไทยและทั่วโลก โดยเอกชนเชื่อว่า การส่งออกไทยจะเติบ
โตได้ตามเป้าหมายที่ 2-3% ส่วนค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 35-36 บาท/เหรียญฯ ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกให้เกิดความ
สบายใจมากขึ้น
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกแถลงการณ์ภายหลังจากที่การประชุมนโยบายการเงินระยะเวลา 2 วันเสร็จสิ้นลงใน
วันนี้ โดยระบุว่า BOJ จะยังคงมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงรุกต่อไป ในขณะที่ธนาคารกลางจะทำการประเมินว่า การปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลกอย่างไร
  • นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้กล่าวแถลงต่อสื่อมวลชนในวันนี้ว่า เป้าหมายของ
BOJ ที่จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% นั้น ยังคงห่างไกล พร้อมระบุว่า BOJ จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลาย
ทางการเงินต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับดังกล่าว
  • ธนาคารกลางจีนได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การที่ธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง
(MLF) และอัตราดอกเบี้ยข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ในวันนี้ ไม่ใช่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

ธนาคารกลางจีนระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวในวันนี้ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุป สงค์และอุปทานในตลาด และไม่ได้หมายความถึงการเปลี่ยนแปลงจุดยืนด้านนโยบายของธนาคารกลาง

  • นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงว่า การที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจาก

ความวิตกเรื่องเงินเฟ้อตามที่นักลงทุนบางส่วนเข้าใจ พร้อมระบุว่า เฟดสามารถรับมือได้หากเงินเฟ้อทะลุเป้า 2% ในระยะเวลา

สั้นๆ และเฟดมีความตั้งใจที่จะรักษาจุดยืนด้านนโยบายการเงินในลักษณะผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเป็น

ไปในทิศทางที่ดี ทั้งในด้านความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่น ซึ่งจะสนับสนุนให้เฟดสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ